หน้าแรก - ชุมชน คนคิดดีวรรณกรรม - วิชาการ - บทความ เรื่องสั้น ร้อยกรอง เพลงภาพยนตร์ - บทภาพยนตร์ ภาพยนตร์ตัวอย่าง วิดีโอ มิวสิควิดีโอ
นิเทศศาสตร์ - วิชาเรียน บรรยาย ตำรา เอกสารการเรียน สื่อการเรียน ถาม ตอบ

 

 

ชื่อเรื่อง : ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
Title : Hopeful with Hearted

ผู้เขียน : ดิน หิน ฟ้า
Author: DIN HIN FA

แหล่งเผยแพร่ : http://www.igoodmedia.net

แนวเรื่อง : ชีวิต ผจญภัย วิทยาศาสตร์ แฟนตาซี แอ็คชั่น
Genre Novel : Adventure-SciFi-Action-Fantasy - Action

 

TOPIC

โครงสร้างเรื่อง

เรื่องย่อ

ตัวละคร

บทเพลงประกอบ

ฉาก และองค์ประกอบฉาก

theme:

เมื่อชีวิตยังอยู่ หัวใจยังไม่สิ้นหวัง แรงปรารถนายังคงเต็มเปี่ยม หัวใจน้อยๆ ของพวกเด็กๆ ที่มีหัวอกอันเดียวกัน พร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรค.

แม้จะยากหนักหนาสักเพียงไร และแม้เวลาจะผ่านไป เนิ่นนานสักเพียงใด, ก็ไม่ทำให้พวกเขาท้อถอย ที่จะร่วมกันตามหารัก. รักที่บริสุทธิ์จากแม่ ผู้ซึ่งรอพวกเขาอยู่.

 

นวนิยายไตรภาค ชีวิตผจญภัย ต่อสู้กับอุปสรรค ภูติ ปีศาจ สัตว์ร้าย ภัยธรรมชาติ ความโหดร้าย ของมนุษย์ และ การเมือง, โดยอาศัยเค้าโครงเรื่อง และตัวละคร ในวัยเด็ก จนถึงวัยผู้ใหญ่, จากวรรณคดีไทย และ นิทานไทยหลายเรื่อง ผูกร้อยให้รวมอยู่ ในเรื่องเดียวกัน. อุปสรรคเหล่านั้น จะเป็นโจทย์ เพื่อพิสูจน์ ศรัทธา ความรัก ความภักดี ความกตัญญู ของพวกเขา ที่มีต่อบุพการี และผู้ที่เขารัก. และ แสดงให้เห็นถึง ความกล้าหาญ ความอดทน และ สติปัญญา ที่พวกเขามีอยู่ ตลอดเส้นทาง ในการฟันฝ่า อุปสรรคเหล่านั้น. ก่อให้เกิด ความสัมพันธ์ ที่แนบแน่น และ หล่อหลอมเป็น ความรัก จากหัวใจบริสุทธิ์. พร้อมที่จะเสียสละ ให้คนที่ตนรัก มีชีวิตอยู่รอด และ ไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง. ความปรารถนาทั้งหมดทั้งสิ้น ของพวกเขา ไม่ไกลเกินเอื้อม. แม้ว่าบางคน จะสูญเสียสิ่งหนึ่งไป แต่ก็ได้รับ อีกสิ่งหนึ่งทดแทน.

 

นวนิยายเรื่องนี้ อุทิศให้แก่สตรี ผู้เป็นแม่ของแผ่นดิน แม่ผู้สร้าง และสตรีผู้ที่กำลังจะเป็น แม่ของลูก.

 

นวนิยาย ชีวิต ผจญภัย แฟนตาซี วิทยาศาสตร์ แอ็คชั่น ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์ โดย ดิน หิน ฟ้า, igoodmedia.net

เชิญพบกับ นวนิยายแนวผสม ชีวิต ผจญภัย แฟนตาซี วิทยาศาสตร์ แอ็คชั่น ที่ผสานสาระ และความบันเทิง ความยาว 105 ตอน

 

ท่านเคยชื่นชอบ นิทานพื้นบ้านไทย โสนน้อย เรือนงาม ปลาบู่ทอง ขวานฟ้า หน้าดำ และ วรรณคดีไทย พระอภัยมณี สังข์ทอง ขุนช้างขุนแผน, อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านจะได้สัมผัสกับ ตัวละครเอกของเรื่อง ออกมาโลดแล่น ผ่านอักษรและภาษาวรรณกรรม โดย นักเขียน หน้าใหม่ในวงการ.

“ดิน หิน ฟ้า” ผู้ทุ่มเทให้กับ การพล็อตเรื่องใหม่ทั้งหมด, เพื่อให้ตัวละครเอก ของนิทานไทยและวรรณคดี แต่ละเรื่อง มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน. ท่านจะสนุกสนาน และประหลาดใจ กับการผจญภัย เผชิญโชค ของพวกเขา ตั้งแต่เด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่ ด้วยความยาว 3 ภาค … เราไม่รับประกัน แต่ เราสัญญาว่า ท่านจะได้รับความบันเทิง และ สาระ อย่างที่ไม่เคยรู้สึก และพบเห็นมาก่อน.

 

อย่าเพิ่งเชื่อ ถ้าหากยังไม่เริ่มต้นอ่าน …

 


โครงสร้างเรื่อง - Plot Structure
   [ภาค บท ตอน]

 

ปฐมบท -

แสงแรกของเรื่องราว


ภาคที่ 1: ตามหารัก อุปสรรคไม่ท้อ


บทที่ 1   ต้นเหตุของเรื่องราว

(1) ละครชีวิตแห่งนครวิชัยยศ (ตอนที่ 1/105)
(2) รัก ริษยา อาฆาต อำนาจมัวเมา (ตอนที่ 2/105)
(3) อำลาที่ขมขื่น (ตอนที่ 3/105)

บทที่ 2   สังข์ เอื้อย โสนน้อย

(1) อดีตที่เติบโต (ตอนที่ 4/105)
(2) เพื่อนใหม่ผู้น่าสงสาร (ตอนที่ 5/105)
(3) จินตนาการ นิทาน ความฝัน (ตอนที่ 6/105)

บทที่ 3   วันสังหาร

(1) ชีวิตที่โหยหา (ตอนที่ 7/105)
(2) พินัยกรรมริษยา (ตอนที่ 8/105)
(3) คำสั่งลับ (ตอนที่ 9/105)

บทที่ 4   ชีวิตใหม่กลางภูผา

(1) ภาระใหม่ของนาเคนทร์ (ตอนที่ 10/105)
(2) ความลี้ลับของป่า (ตอนที่ 11/105)
(3) บทเรียนชีวิต (ตอนที่ 12/105)
(4) เวทกล มนตร์สู้ปีศาจ (ตอนที่ 13/105)
(5) ส่งเด็กกลับบ้าน (ตอนที่ 14/105)

บทที่ 5   ภูติร้ายในป่ามรณะ

(1) ประตูมายาแห่งป่า (ตอนที่ 15/105)
(2) ภาพลวงตา (ตอนที่ 16/105)
(3) กลลวงปีศาจ (ตอนที่ 17/105)
(4) หุบผาหมอก (ตอนที่ 18/105)

บทที่ 6   ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ

(1) การมาเยือน ของมนุษย์นอกจักรวาล (ตอนที่ 19/105)
(2) ประตูเวลา ของพวกเอเลี่ยน (ตอนที่ 20/105)

บทที่ 7   หนอนทะเลทราย

(1) สู่ทะเลทราย (ตอนที่ 21/105)
(2) หนอนยักษ์ มฤตยูใต้ดิน (ตอนที่ 22/105)

บทที่ 8   หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล

(1) หมู่บ้านไร้เวลา (ตอนที่ 23/105)
(2) จุดจบของพวกเอเลี่ยน (ตอนที่ 24/105)

บทที่ 9   พบเพื่อนใหม่

(1) สองพี่น้องชาวเล (ตอนที่ 25/105)
(2) ปริศนาเฒ่าทะเล (ตอนที่ 26/105)
(3) ความลับ (ตอนที่ 27/105)
(4) แผนเดินทาง (ตอนที่ 28/105)
(5) บทเรียนบนเรือรบ (ตอนที่ 29/105)

บทที่ 10    ผจญภัยกลางมหาสมุทร

(1) เขตย้อนเวลา (ตอนที่ 30/105)
(2) บนเรือโจรสลัด (ตอนที่ 31/105)
(3) ผีเสื้อสมุทร และหมึกยักษ์ (ตอนที่ 32/105)
(4) เกาะร้าง (ตอนที่ 33/105)
(5) นิมิตแห่งตำนานสายฟ้าอสูร (ตอนที่ 34/105)

บทที่ 11   ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง

(1) อาวุธมีเจ้าของ (ตอนที่ 35/105)
(2) ปาฏิหาริย์ลิงเผือก (ตอนที่ 36/105)
(3) ปริศนาคำทำนาย (ตอนที่ 37/105)
(4) อากาศยานช่วยชีพ (ตอนที่ 38/105)
(5) อวสานเกาะร้าง (ตอนที่ 39/105)

 

ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ


บทที่ 12   นครพันธุรัฐ เมืองคนทาส

(1) เชลย (ตอนที่ 40/105)
(2) ทาสใหม่ (ตอนที่ 41/105)
(3) นายหญิง เจ้าแห่งนครพันธุรัฐ (ตอนที่ 42/105)
(4) สถานภาพใหม่ของสังข์ (ตอนที่ 43/105)
(5) ความลับของนาเคนทร์ (ตอนที่ 44/105)

บทที่ 13   เทคโนโลยีล่องหน

(1) ห้องลับของนายหญิง (ตอนที่ 45/105)
(2) นวัตกรรมการอำพราง (ตอนที่ 46/105)
(3) เสน่ห์แห่งอำนาจ (ตอนที่ 47/105)
(4) ความลับที่ต่อรองกันได้ (ตอนที่ 48/105)

บทที่ 14   แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)

(1) แผนหลบหนี (ตอนที่ 49/105)
(2) ประตูแห่งอิสรภาพ (ตอนที่ 50/105)
(3) หนี (ตอนที่ 51/105)

บทที่ 15   เส้นทางที่พลัดพราก

(1) หมู่บ้านมนุษย์กินคน (ตอนที่ 52/105)
(2) พลายงาม เพื่อนร่วมทางคนใหม่ (ตอนที่ 53/105)
(3) นางพิม (ตอนที่ 54/105)
(4) เปลี่ยนร่างอำพรางหนี (ตอนที่ 55/105)

บทที่ 16   เมืองกาญจนา

(1) วัดส้ม เมืองกาญจนา (ตอนที่ 56/105)
(2) ธัมมะกับชีวิต (ตอนที่ 57/105)
(3) ไปพบย่าทอง (ตอนที่ 58/105)

บทที่ 17   บ้านของย่าทอง

(1) สายสัมพันธ์ย่าหลาน (ตอนที่ 59/105)
(2) ความสุขในเรือนทอง (ตอนที่ 60/105)
(3) ความสุข ความพอเพียง (ตอนที่ 61/105)

บทที่ 18   วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน

(1) วัยรัก วัยเรียน (ตอนที่ 62/105)
(2) ความรักที่ก่อตัว (ตอนที่ 63/105)
(3) แสงสีแห่งชนบทยามค่ำคืน (ตอนที่ 64/105)
(4) เรื่องวุ่นวาย ของวัยรุ่น (ตอนที่ 65/105)

บทที่ 19   ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น

(1) เส้นทางรัก โสนน้อย สร้อยมณี (ตอนที่ 66/105)
(2) บวชพลายงาม (ตอนที่ 67/105)
(3) ลางบอกเหตุ (ตอนที่ 68/105)
(4) ทางรัก ทางธรรม (ตอนที่ 69/105)

บทที่ 20   ตามหาเพื่อน

(1) ก้าวใหม่ของ นครพันธุรัฐ (ตอนที่ 70/105)
(2) รหัสสื่อสาร 213 ที่ยังจำกันได้ (ตอนที่ 71/105)
(3) นักบินฝึกหัด (ตอนที่ 72/105)

บทที่ 21   แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)

(1) เปิดฉากหนี (ตอนที่ 73/105)
(2) ปิดฉากทาสนรก (ตอนที่ 74/105)

 

ภาคที่ 3:   รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง


บทที่ 22   เดินทางไกล ไปตามฝัน

(1) สิงห์ดำ (ตอนที่ 75/105)
(2) เมืองแห่งความฝัน (ตอนที่ 76/105)

บทที่ 23   นครรัฐเทพนารา

(1) นรกบนเมืองสวรรค์ (ตอนที่ 77/105)
(2) สวรรค์ในเมืองนรก (ตอนที่ 78/105)
(3) บทเรียนของแพรวา (ตอนที่ 79/105)
(4) งานเลี้ยงที่มีวันเลิกลา (ตอนที่ 80/105)

บทที่ 24   ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร

(1) แดนคนเถื่อน (ตอนที่ 81/105)
(2) เพื่อนรัก (ตอนที่ 82/105)
(3) แดนคนดี (ตอนที่ 83/105)

บทที่ 25   ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ

(1) สวรรค์ลิขิต (ตอนที่ 84/105)
(2) ชีวิตจัดสรร (ตอนที่ 85/105)
(3) วิถีชีวิต วิถีชุมชน (ตอนที่ 86/105)
(4) คุณครูมือใหม่ (ตอนที่ 87/105)

บทที่ 26   สัมผัสแรก สัมผัสรัก

(1) เบื้องหลังของหญิงสาว (ตอนที่ 88/105)
(2) ประสบการณ์ที่มีค่า ของรจนารินี (ตอนที่ 89/105)
(3) ของสำคัญ ที่ต้องหาให้เจอ (ตอนที่ 90/105)

บทที่ 27   สังข์ทอง รจนา

(1) คืนร่างเดิม (ตอนที่ 91/105)
(2) ชีวิตใหม่ (ตอนที่ 92/105)
(3) ความหลัง ความรัก (ตอนที่ 93/105)

บทที่ 28   วิกฤตของนครรัฐ

(1) ปัญหาที่ยังตีบตัน (ตอนที่ 94/105)
(2) ตามหาคำตอบ (ตอนที่ 95/105)
(3) นักเล่านิทาน (ตอนที่ 96/105)

บทที่ 29   กู้วิกฤต

(1) สันติอรุณโมเดล (ตอนที่ 97/105)
(2) แผนกู้วิกฤต (ตอนที่ 98/105)
(3) วิกฤตรัก (ตอนที่ 99/105)

บทที่ 30   ฝันที่เป็นจริง

(1) แต่งกับงาน (ตอนที่ 100/105)
(2) การสังหารท่านผู้นำ (ตอนที่ 101/105)
(3) อำนาจใหม่ (ตอนที่ 102/105)
(4) พ่อแม่บุญธรรม (ตอนที่ 103/105)
(5) ฝันเป็นจริง (ตอนที่ 104/105)

 

ปัจฉิมบท -
งานเลี้ยง ย่อมมีวันเลิกลา (ตอนที่ 105/105 ปัจฉิมบท)

[กลับไป TOPIC]

 

เรื่องย่อ - Synopsis

 

เด็กชายสังขวุฒิ เด็กหญิงเอื้อย และ เด็กหญิงโสนน้อย วัย 7 – 8 ขวบ เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ในหมู่บ้านชนบท. สังขวุฒิ หรือ สังข์ เป็นลูกของ ยศกร วิมลมาศ ผู้ว่าราชเมืองชัยยศ และนางจันทนี. ต่อมา นางเมธาวรรณ ภรรยาคนที่สองของยศกร ใส่ความจันทนี ว่ามีชู้ และเด็กสังข์คือลูกชู้, จนจันทนีต้องหอบลูกวัยขวบเศษ หนีไปอยู่กับ ตาเปลว และ ยายปิ่น ที่หมู่บ้านแสงสุข. นางเมธาวรรณ บงการให้สมุน ไปฆ่าสังข์และนางจันทนี. สังข์ ถูกคนร้ายจับโยนลงน้ำ เอื้อย กับ โสนน้อย กระโดดลงน้ำตามไปช่วย, ทำให้เด็กทั้ง 3 คน ถูกกระแสน้ำพัดพา หลุดเข้าไปในดินแดนสนธยา และเป็นที่มาของเรื่องราวทั้งหมด.

 

นาเคนทร์

 

สังข์ เอื้อย โสนน้อย ได้รับการช่วยเหลือ และการอบรมเลี้ยงดูจาก นาเคนทร์ หรือ ที่เด็กๆ เรียกว่า เคน, บุรุษเฒ่าผู้อหังการ แห่งหมู่บ้านป่าอาถรรพ์ ซึ่งเต็มไปด้วยภัยอันตรายจาก ภูติ ปีศาจ สัตว์ร้าย ต้นไม้กินคน แมงมุมยักษ์ สัตว์เวตาล ปีศาจนารีผล. เขาสอนให้เด็กทั้งสาม รู้จักเอาตัวรอดในป่า และสอนเวทย์กล [เวทย์กล คือ การใช้จิตวิทยา ร่วมกับลีลาการต่อสู้] ให้แก่เด็กๆ ต่อสู้กับภัยอันตรายต่างๆ. สังข์เป็นเด็กฉลาด และแข็งแรงกว่าเพื่อน, ถนัดการใช้อาวุธทุกชนิด. เอื้อย และ โสนน้อย แม้จะเป็นเด็กมีนิสัยขี้สงสาร, แต่เธอก็แกร่งพอ ที่ต่อสู้กับศัตรูได้ทุกรูปแบบ เป็นผลจากการฝึกอบรมสั่งสอน ของนาเคนทร์.

 

เมื่ออายุของพวกเด็กๆ ได้ 12 ปี, พวกเขาต้องการ ออกไปจาก ป่าอาถรรพ์ เพื่อไปตามหาแม่และพ่อ. สังข์ รักแม่มาก. เอื้อย อยู่กับแม่เลี้ยง และพี่สาวใจร้าย แม้จะมีพ่อขี้เมา แต่ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้. เอื้อย จึงต้องการ ตามหาแม่จริงๆ ที่ทิ้งเธอไป. ส่วน โสนน้อย แม่ตายตั้งแต่เธอเกิด อยู่กับพ่อผู้มีแต่มิจฉาทิฏฐิ, กล่าวหาว่า ลูกที่เกิดมาเป็นกาลกิณี พาคนตายเข้าบ้าน. แม้โสนน้อย จะมีแม่เลี้ยงใจดี แต่เธอก็เบื่อพ่อและเบื่อบ้าน จึงตามเอื้อยมา. แต่ในที่สุด เธอก็คิดถึงแม่เลี้ยงใจดี และอยากกลับไปหาพ่อ.

 

นาเคนทร์ รวบรวมคนป่า ในหมู่บ้านได้ 6 คน, เป็นผู้อาสาพาเด็กๆ ออกจากป่า. พวกเขาต้องเผชิญกับ มายาของป่า. พบฝูงกินร กินรี เทพีแห่งลำแสงอโรล่า ต่อสู้กับอำนาจของภูติ ปีศาจ เอเลี่ยนมนุษย์ต่างดาว หนอนทะเลทราย. การเผชิญกับ หลุมดำดูดเวลา ทำให้พวกเขา ต้องเสียเวลาในการตามหาพ่อแม่ นานถึง 50 ปี. และในที่สุด พวกพี่เลี้ยงที่พาเด็กมา ต้องมาจบชีวิตลงทั้งหมด, จากการต่อสู้ กับปีศาจและเอเลี่ยน.

ก่อนที่พวกเด็กๆ จะตกเป็นเหยื่อ ของพวกเอเลี่ยน. นาเคนทร์ เดินทางย้อนเวลากลับมา ด้วยเครื่องผ่านมิติเวลา ช่วยเด็กๆ ทันเวลา, ก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อ ของเอเลี่ยนต่างดาว. นาเคนทร์ ได้ทิ้งปมปริศนาบางอย่าง ไว้ให้เด็กๆ ค้นหาคำตอบ ในการเผชิญหน้ากับโชคชะตา. ภารกิจของเขาจบสิ้นแล้ว.

 

เอื้อย โสนน้อย และ สังข์ พบเด็กชาวเลอีก 2 คน, เป็นพี่น้องกัน คือ สินสมุทร กับ สุดสาคร. พ่อกับแม่ของพวกเขา ออกไปทำการค้าทางทะเล, ทิ้งให้พวกเขาอาศัยอยู่กับป้า นานหลายปี. สินสมุทร กับสุดสาคร ก็อยากออกตามหา พ่อแม่เช่นกัน. พวกเขาได้รับการช่วยเหลือจาก เฒ่าทะเล ฝึกสอนการเดินเรือให้, และมอบของสำคัญ ให้แก่พวกเขา เพื่อกู้ชีวิตในยามคับขัน.

 

สังข์ เอื้อย โสนน้อย สินสมุทร และ สุดสาคร ออกผจญภัยทางทะเล ด้วยจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน คือตามหาแม่และพ่อ. ระหว่างทาง พวกเขาต้องผูกมิตรกับโจรสลัด, ต่อสู้กับ ผีเสื้อสมุทร หมึกยักษ์ จนเรืออัปปางลง ที่เกาะร้างกลางทะเล. และที่นี่ พวกเด็กๆ ค้นพบ จุดกำเนิดของ ตำนานสายฟ้าเทพอสูร หนุมาน นางเมขลา รามสูร. ความกล้าหาญของเด็กๆ ช่วยคืนอำนาจอิทธิฤทธิ์ ให้แก่ หนุมาน. หนุมาน จึงตอบแทนด้วยการ บอกที่ซ่อน ของยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ซึ่งทำตกไว้ เมื่อหลายพันปีก่อน, เพื่อให้เขารอดพ้นจาก การล่มสลายของเกาะร้าง อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว และยุบเกาะทั้งเกาะ จมหายทะเลไป. ...

 

นั่นเป็นจุดสิ้นสุดภาคที่ 1 ในการผจญภัย ของเด็กทั้ง 5 คน.

 

เด็กทั้ง 5 คน พากันอาศัยยานอวกาศ ของมนุษย์ต่างดาว ใช้ทำเป็นเรือเดินทะเล, รอนแรม ไปติดที่ชายฝั่งของ นครพันธุรัฐ ซึ่งเป็นนครรัฐอิสระ, ปกครองโดย นายหญิงพันธุรัฐ. นครพันธุรัฐ มีภารกิจผลิตอาวุธขาย, ทั้งอาวุธต่อสู้อากาศยาน อาวุธชีวภาพ. มีห้องแล็บทดลอง มีการขยายเมือง โดยอาศัยแรงงานทาส, ภายใต้ระบอบเผด็จการของนายหญิง.

 

พวกเด็กๆ ถูกจับไปเป็นทาส. แต่ในที่สุด นายหญิงก็มองเห็น ความฉลาดของ สังข์ และ ความสามารถของ สินสมุทร และ สุดสาคร. จึงรับเลี้ยงไว้. แต่ไม่รู้ว่ายังมีเด็กอีก 2 คน คือ เอื้อย กับ โสนน้อย ถูกซุกซ่อนไว้, โดยมี ธนญชัย หลานรักของนายหญิง คอยช่วยเหลือ ให้เป็นที่หลบซ่อน. เพื่อแลกกับการได้ใกล้ชิดกับ เอื้อย. เขาทำเช่นนั้น เพื่อกันไว้เป็นคนรัก. ธนญชัย ไม่รู้ว่าพวกเด็ก ก็วางแผนหนีออกไปจากที่นี่เช่นกัน.

 

สังข์ ค้นพบ ปริศาของนาเคนทร์. แท้จริง นาเคนทร์ คือ สามีของ นายหญิงพันธุรัฐ. ทั้งสองคน เป็นนักวิทยาศาสตร์ ร่วมกันสร้าง เครื่องข้ามมิติเวลา. แต่ นาเคนทร์ ไม่อาจทนอยู่กับนายหญิงได้ จึงขโมยกุญแจ และ ลักพา เครื่องข้ามมิติเวลา หนีไป แล้วไม่กลับมาอีกเลย.

เมื่อนายหญิง พบกุญแจของนาเคนทร์ ที่อยู่กับสังข์, ก็รู้ความจริงว่า นาเคนทร์ ได้ส่งเด็กสังข์ มาเป็นตัวแทน ในฐานะคนรัก และแทนคำขอโทษ ที่ไม่อาจมีบุตรให้กับนายหญิงได้. นายหญิง จึงรับสังข์ไว้เป็นทายาท. สร้างความริษยา ให้แก่ ธนญชัย. และเขาก็เจ็บแค้นมากขึ้น เมื่อ สังข์ ใช้กลลวง พาเพื่อนๆ ทั้ง 5 คน หลบหนีออกไปจากเมืองนี้ได้. การหนีไปจากนครพันธุรัฐ ครั้งนั้น, โชคร้ายกลับตกอยู่ที่ สองพี่น้อง สินสมุทร กับ สุดสาคร. พวกเขาถูกจับได้เสียก่อน.

 

สังข์ พาเอื้อยกับโสนน้อย หนีต่อไป โดยอาศัย สเปรย์ล่องหน และขโมย แคปซูลแปลงร่าง ติดมือไปด้วย. สังข์ เกรงว่าจะถูก ธนญชัย ไล่ตามมาทัน, พวกเขาจึงแยกกัน หนีไปคนละทาง. สังข์ หนีหลุดเข้าไป ในเขตของ คนป่าเผ่ากินคน. เอื้อย กับ โสนน้อย รอดพ้น จากการตามล่าได้สำเร็จ.

 

สังข์ ถูกคนป่า จับไปทำพิธีบูชายัญ แต่เขาก็หนีรอดออกมาได้, ด้วยการตัดสินใจ ฉีดแคปซูลแปลงร่าง. สารเคมี ทำปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อ และระบบเซลประสาท ทำให้เขากลายร่าง เป็นพวกคนป่า. เขาสวมรอย เป็นหัวเผ่าของพวกมัน หนีรอดออกมาได้. สังข์รู้ตัวอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อ เขาได้กลายเป็นคนป่า และพูดไม่ได้. สังข์ จึงตัดสินใจ เข้าไปในนครพันธุรัฐอีกครั้ง ในร่างของคนป่า เพื่อไปช่วย สินสมุทรกับสุดสาคร ออกมา.

 

เอื้อย กับ โสนน้อย หลุดออกมาจากป่า, พบเด็กชายหน้าตาดี ชื่อ พลายงาม. แต่เขากำลังจะได้รับอันตราย จึงช่วยเหลือเขา ให้รอดพ้น จากการฆาตกรรม ของพ่อเลี้ยงหัวล้าน. พลายงาม พาเธอทั้งสองคนไปบ้าน พบแม่ชื่อ พิม. พิม รู้ความจริงว่า ลูกไม่ปลอดภัย, จึงให้ เอื้อยกับโสนน้อย ช่วยพา พลายงาม ไปอยู่กับ ย่าทองศรี ที่เมืองกาญจนา.

พลายงาม เอื้อย โสนน้อย เดินทางด้วยม้า ไปจนถึงวัดส้ม พบสมภารบุญ ซึ่งเป็นญาติของ ย่าทอง. สมภารบุญ พาเด็กๆ ไปพบ ย่าทอง และประสานรอยร้าวในอดีต ที่พวกผู้ใหญ่สร้างไว้. ย่าทอง จึงรับเลี้ยง เอื้อยกับโสนน้อยไว้ ในฐานะเป็นหลาน จนกระทั่งโตเป็นหนุ่มสาว.

 

ย่าทอง สอนวิชาการ ความรู้ ภาษา ให้แก่ เอื้อยกับโสนน้อย. พลายงาม ให้เรียนวิชาการปกครอง กับ พระอาจารย์คง วัดหนองคอกไก่. ความใกล้ชิดของหนุ่มสาว ก่อให้เกิดตำนาน รักสามเส้า ระหว่าง โสนน้อย พลายงาม และ สร้อยมณี. ย่าทอง ได้หมั้นหมายให้ สร้อยมณี แต่งงานกับ พลายงาม หลานชาย. ในห้วงเวลาอันสับสนและปวดร้าว ของวัยรัก, โสนน้อย เผชิญกับ ปัญหารักสามเส้า. เอื้อย ก็เผชิญกับปัญหาหัวใจเช่นกัน เพราะเธอแอบรัก สังข์ มาตลอดเส้นทาง ที่ผจญภัยมาด้วยกัน.

 

ความคับแค้นและอึดอัดใจ ทำให้โสนน้อยกับเอื้อย ไม่อาจอยู่บ้านของย่าทองได้. แต่กว่าพวกเธอ จะทำให้ย่าทองยอมรับว่า พวกเธอมิใช่เด็กอกตัญญู ที่ไม่อาจอยู่รับใช้ย่าได้, โสนน้อย ก็เจ็บปวด สบักสะบอม และตรอมใจเพราะคนรัก. ในขณะที่ เอื้อย ก็คิดถึง สังข์ อยู่ไม่น้อย.

เมื่อรู้ว่า พลายงาม จะต้องแต่งงานกับ สร้อยมณี แน่แล้ว. โสนน้อย จึงตรอมใจและป่วยหนัก, เป็นเหตุให้ ย่าทอง จำต้องอนุญาต ให้พวกเธอไป. ด้วยเหตุผลที่ พวกเธอ ต้องออกตามหาเพื่อน และพ่อกับแม่ และ เป็นการตัดไฟรัก ของหลานชายกับ โสนน้อย ไปพร้อมกัน.

 

กล่าวถึง สังข์ ในร่างของคนป่า ที่ไม่มีเสียงพูด ในนครพันธุรัฐ. เขาแฝงตัวเรียนรู้ สืบเสาะหาเพื่อนรัก อยู่นานหลายปี, จนกระทั่งโตเป็นหนุ่ม. ในที่สุดก็พบ สินสมุทร ในร่างของ อสูรร่างยักษ์ และ สุดสาคร ในร่างของ สัตว์ทะเลตัวเล็ก. พวกเขาจำกันได้ เพราะรหัสลับที่สื่อสารกัน เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก. สังข์ พบเพื่อนแล้ว จึงนัดวางแผน หลบหนีไปด้วยกัน. โดยขอความช่วยเหลือจาก เจน ให้ช่วยสอน ขับเครื่องบินให้.

สินสมุทร สุดสาคร ค้นพบ สารเคมี ที่ทำให้กลับคืนสู่ร่างเดิมได้แล้ว. แผนหลบหนี ก็เริ่มขึ้น. สังข์ สวมรวยเป็นนักบินฝึกหัด พยายามพาเพื่อนรัก ฝ่ากระสุน หลบหนีออกจาก นครพันธุรัฐ. แต่ทำไม่สำเร็จ สินสมุทร และ สุดสาคร ถูกยิงอาการสาหัสและไม่รอด. สุดสาคร มอบแคปซูล สำหรับคืนร่างเดิม ที่ขโมยมาได้ ยื่นให้ สังข์. และ ฝากบอก ให้เพื่อนรักตัดใจ ทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่.

 

สังข์ ขับเครื่องบิน หนีออกจากนครพันธุรัฐได้สำเร็จ. แต่เครื่องบินหมดเชื้อเพลิงเสียก่อน. ตกที่ บึงน้ำแห่งหนึ่ง ที่ นครรัฐเทพนารา.

 

การผจญภัยของพวกเด็กๆ มาสิ้นสุดภาคที่ 2 ที่ตรงนี้. พวกเขาต้องสูญเสีย สินสมุทร กับ สุดสาคร ไป. สังข์ จะได้พบกับ เอื้อย และโสนน้อย หรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าติดตามต่อไป.

 

หลังจาก เอื้อย กับ โสนน้อย ออกจากบ้านย่าทองมาแล้ว ก็พบกับ เพื่อนร่วมทางคนใหม่ ชื่อ สิงห์ดำ. ทั้งสามคน พากันออกจาก เขตเมืองกาญจนา มุ่งสู่เมืองใหญ่ชื่อ นครรัฐเทพนารา.

สิงห์ดำ เป็นลูกของช่างแกะสลักไม้. เขามีปานดำรูปสายฟ้า ที่บริเวณแก้ม. มีศิลปะป้องกันตัว และต่อสู้ด้วยขวาน เพราะอาชีพของเขา ใช้ขวานมาตั้งแต่เด็กๆ. สิงห์ เป็นเด็กหนุ่ม ที่จำเป็นต้องละจากพ่อกับแม่ไป. เพราะชาวบ้าน กดดันให้พ่อแม่ พาเขาไปอยู่ที่อื่น. พวกชาวบ้านพากันโจทก์ขาน หาว่า สิงห์ เป็นกาลกิณีของหมู่บ้าน, เขาเกิดมา พร้อมกับวันฟ้าผ่า และมีคนตายไปมากมาย.

 

เอื้อย โสนน้อย และ สิงห์ดำ ต้องเผชิญกับ เหล่าคนร้ายอันธพาล ในย่านสลัมของ นครรัฐเทพนารา. เขาต่อสู้กับพวกคนร้าย จนเกือบจะพลาดท่าเสียที, แต่มีชายในร่างคนป่า ซึ่งพลัดหลงมา อาศัยอยู่กับ ชาวชุมชนสันติอรุณ ได้เข้าช่วยเหลือไว้ทัน. เขาพา เอื้อย โสนน้อย สิงห์ดำ ไปอยู่ด้วยกัน ที่สันติอรุณ. พวกเขาไม่รู้ว่า ชายในร่างคนป่านั้น แท้จริงคือ สังข์. ต่อมาชาวชุมชน ภายใต้การนำของ พ่อใหญ่รักพูน ได้ให้การต้อนรับพวกเขาทุกคน.

 

สังข์ มีโอกาสได้พบกับ รจนารินี หรือ รจนา ที่ชุมชนสันติอรุณ. เธอเป็นนักศึกษา มาศึกษาวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม ในเขตพื้นที่ รอบๆ บึงน้ำเจ้าพระยา. สังข์ เอื้อย โสนน้อย สิงห์ และ รจนา ได้หล่อหลอมความซื่อสัตย์ สามัคคี ในการพัฒนา ชุมชนสันติอรุณ จนเป็นโมเดลตัวอย่าง ในการแก้ไข ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้แก่คนสังคมเมือง ภายใต้ระบบเศรษฐกิจพอเพียง และ การนำเทคโนโลยีสีเขียวมาใช้ อย่างเหมาะสม.

ต่อมาความจริงก็ปรากฏ เมื่อพวกเพื่อนๆ พากันไปที่ บึงน้ำเจ้าพระยา, เพื่องมหา กล่องเก็บแคปซูล สำหรับคืนร่าง ที่ซากเครื่องบินตก. เมื่อได้แคปซูลมาแล้ว ฉีดเข้าร่างของสังข์. เขากลับคืนสู่ร่างเดิม. ความหวังของ เอื้อย ที่จะได้ครองรักกับ สังข์ กลับคืนมาอีกครั้ง. แต่ก็มีอุปสรรคใหญ่มาขวางกั้น เพราะ สังข์ และ รจนา ได้ก่อร่าง สร้างความรักกันขึ้น ณ ที่สันติอรุณ.

 

ความลับได้ถูกเปิดเผย ให้ชาวชุมชนสันติอรุณทราบ คือ รจนา เป็นบุตรสาวของ สมลักษณ์ วงศ์นารา ประธานนครรัฐเทพนารา และ ท่านหญิงมณฑิรา ผู้เป็นภรรยา. ความร่วมมือกัน ของแขกต่างถิ่นกับ ชาวชุมชน ส่งผลให้ คณะลูกขุนของนครรัฐ ซึ่งเป็นคณะที่ปรึกษา ของประธานนครรัฐ เลือกที่จะให้ ชุมชนสันติอรุณ เป็นโมเดล ในการแก้ปัญหาเมืองใหญ่. ท่ามกลาง ความไม่พอใจของทั้ง สมลักษณ์ และ คณะมนตรี ของเมืองนี้. เพราะนั่นคือ การขัดขวาง หนทางทุจริตคอรัปชั่น ของพวกเขา.

 

ต่อมา สมลักษณ์ ไม่พอใจ ที่บุตรสาวไปคบกับ สังข์. เขาจึงบังคับ ให้ลูกไปเรียนต่อ ที่ฝรั่งเศส. แต่ รจนา กลับหนีไปอยู่กับ สังข์ ที่สันติอรุณ. สมลักษณ์ เสียใจมาก ที่ลูกไม่เชื่อฟัง และทำให้ขายหน้า. จึงขับไล่ไสส่งให้ออกจากบ้าน ที่สร้างความเสื่อมเสีย ทางวัฒนธรรมให้แก่พ่อแม่.

พ่อใหญ่รักพูน จึงจัดงานแต่งงาน ให้สังข์กับรจนา อยู่กินกันอย่างถูกต้อง. ภายใต้การรับรู้ และความร่วมมือ กับ ท่านหญิงมณฑิรา อย่างลับๆ.

 

คณะลูกขุน ไม่มีทางเลือกอื่น ที่ดีกว่านี้, จึงลงมติทางอ้อม ให้ประธานนครรัฐ สมลักษณ์ บริหารประเทศ ตามแนว สันติอรุณโมเดล. เป็นเหตุให้ มุขมนตรีพาหิระ ผู้มีอิทธิพลในกลุ่มก๊วน ของรัฐบาล, ทนไม่ได้. จึงวางแผน จ้างวานคน ไปฆ่าสมลักษณ์ และวางแผนต่อ ให้ฆ่า รจนา ด้วย.

 

ผลจากการยึดอำนาจของ มุขมนตรีพาหิระ, สมลักษณ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส. สังข์ พา รจนา ไปเยี่ยมพ่อ, ก็ถูกคนร้าย ตามมาสังหาร. แต่ สิงห์ดำ และ เอื้อย ไปช่วยไว้ทัน. เมื่อเหตุการณ์สงบลง, คณะแพทย์ ไม่อาจยื้อชีวิตของท่านประธาน สมลักษณ์ ไว้ได้. ก่อนตาย ประธานนครรัฐเทพนารา สมลักษณ์ ได้กล่าวสั่งเสีย ฝากบ้านเมือง ให้กับรจนาและสังข์ บริหารต่อไป.

 

สังข์ และ รจนา พากันกลับเข้าบ้าน หลังสูญเสียพ่อ. ต่อมา คณะลูกขุน ได้สถาปนา รจนารินี ขึ้นเป็น ประธานนครรัฐเทพนารา คนใหม่. โดยมี สังขวุฒิ เป็นรองประธานนครรัฐ และให้ สิงห์ดำ มาช่วยงาน ในตำแหน่ง ผู้อารักขาท่านผู้นำนครรัฐ.

 

เรื่องราวสงบสุขเรื่อยมา.

 

ต่อมา กษัตริย์นครรัฐนาร์เนีย ได้ส่งผู้แทนนามว่า ลอร์ดเอลเลป และ เลดี้ลูซี่ พร้อมด้วยบุตรี ซูซานา มาเชื่อมสัมพันธไมตรี. เอื้อย และ โสนน้อย มีโอกาสต้อนรับบุคคลทั้งสาม. เธอปฏิบัติกับแขกอาคันตุกะ ราวกับเป็นญาติผู้ใหญ่ จนท่านลอร์ดและเลดี้ รักใคร่เอื้อยกับโสนน้อย เสมือนเป็นลูกสาว.

 

ครั้งหนึ่งเกิดเหตุร้ายขึ้น, พวกกบฏนครรัฐนาร์เนีย ได้บุกมาจับ ท่านลอร์ดเอลเลป และครอบครัว ไปเป็นตัวประกัน. แต่ เอื้อย กับ โสนน้อย ได้แสดงวีรกรรมช่วยไว้ได้. แต่ลอร์ดเอลเลป ต้องมาเสีย ซูซานาไป ระหว่างการต่อสู้. ด้วยความอาลัยรักธิดา, ลอร์ดเอลเลป และเลดี้ลูซี่ จึงตกลง รับเอา เอื้อยกับโสนน้อย ไว้เป็นบุตรบุญธรรม และ พากลับไปนครรัฐนาร์เนีย. เธอได้รับการเรียกขานใหม่ว่า แองเจลลีน่า (เอื้อย) และ โบนีต้า (โสนน้อย).

 

รจนารินี และ สังขวุฒิ บริหารนครรัฐ ภายใต้หลักเศรษฐกิจพอเพียง-รัฐสวัสดิการ และนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้ พร้อมกับ การพัฒนาพื้นฐานคุณภาพชีวิตประชาชน ให้ดีขึ้นมากมาย. เขาได้ออกกฎหมาย ห้ามผลิต ห้ามจำหน่าย สิ่งเสพติดและการพนันทุกชนิด. ทำให้ประชาชน ในนครรัฐเทพนารา มีความสุขถ้วนหน้า, ยกเว้น กลุ่มอิทธิพล ที่หากินกับแหล่งเสพติด และการพนัน.

ต่อมา สังขวุติ ได้ริเริ่มตั้งโครงการ การอนุบาล คนชรากับหญิงมีครรภ์ ให้มาอยู่เรียนรู้ วิถีวัฒนธรรม ซึ่งกันและกัน. เป็นเหตุให้ สังขวุติ ได้พบกับ แม่จันทนี อีกครั้ง ในวัยชราแก่หง่อมมากแล้ว [ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเหตุที่ สังข์และเพื่อนๆ หลุดเข้าไป ในหลุมดำดูดเวลา ทำให้อายุจริงของเขา เพิ่มไปอีก 50 ปี เมื่อมาอยู่ในโลกปัจจุบัน]

 

ข่าวการพบกัน ของแม่กับ สังขวุติ สร้างความปีติยินดีให้แก่ แองเจลลีน่า และ โบนิต้า ที่นครรัฐนาร์เนีย.

 

ต่อมาอีก 1 ปี รจนารินี ก็ให้กำเนิดบุตรชาย ชื่อ โนอา. ได้เวลาที่ เจ้าหญิงแห่งนาร์เนีย จะได้กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม เป็น เอื้อย กับ โสนน้อย อีกวาระหนึ่ง. เธอทั้งสอง ได้เดินทางมาเยี่ยมหลาน. นั่นแหละ ทำให้ชีวิตวัยเด็กเสมือน กลับมาอีกครั้ง.

 

สังข์ เอื้อย โสนน้อย มีโอกาสพบกันอีกครั้งหนึ่ง. สังข์ พาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมความสวยงาม ยามค่ำคืน ของนครรัฐเทพนารา. ที่ริมฝั่งแม่น้ำ สุวรรณนที อันสวยงามของนครรัฐ, คนร้าย ที่แฝงตัวมากับความมืด ได้ขับรถ พุ่งชนรถของ สังข์ ตกลงไปในน้ำ. สังข์ เอื้อย และ โสนน้อย ไม่สามารถออกจากรถ ที่กำลังจมน้ำได้.

 

ภวังค์ความรู้สึกต่างๆ ในอดีต, เหตุการณ์ ความทรงจำทุกเรื่องราว ได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง อย่างรวดเร็ว. เหมือนการเดินทาง สู่ห้วงกาลแห่งมิติเวลา ซึ่งไม่อาจอธิบายได้ ...

 

 

เมื่อฟื้นคืนสติขึ้นมา ก็พบว่า ... ตนเองกำลังนั่ง อยู่ท่ามกลางวงล้อมของ แม่จันทนี ตาเปลว และ ยายปิ่น ที่เฝ้าเป็นห่วงเหลน. รวมทั้ง เด็กเอื้อย เด็กโสนน้อย และ เด็กหญิงน่าตาน่ารัก อีกคนหนึ่ง. แม่บอกว่า เธอคือ รจนา เป็นลูกสาวของเพื่อนแม่. ทุกคนมาเฝ้าดูอาการ ของเด็กชายสังขวุฒิ หลังจาก มีคนช่วยอุ้มขึ้นมา จากลำธารน้ำกลางหมู่บ้าน ก่อนจะจมน้ำตาย ไปเสียก่อน.

[กลับไป TOPIC]

 

ตัวละคร - Character

 

ตัวละครหลัก (main character)

 

(1) สังข์ หรือ เด็กชายสังขวุฒิ

จากวรรณคดี เรื่อง สังข์ทอง. เรื่องนี้ รับบทเป็น ลูกชายของ ยศกร วิมลมาศ ผู้ว่านครวิชัยยศ กับนางจันทนี วิมลมาศ (ล้อชื่อ ท้าวยศวิมล กับ นางจันท์เทวี ในเรื่องสังข์ทอง). เป็นตัวละครหลัก หนึ่งในสามคน (สังข์ เอื้อย โสนน้อย) ที่ผลักดันเรื่องราว ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ เพื่อกลับบ้าน หลังจากพลัดหลง เข้าไปในดินแดนสนธยา อันเป็นที่มา ของเรื่องราวทั้งหมด ของ “ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์”. สังขวุฒิ พบรัก และแต่งงานกับ รจนารินี บุตรสาวคนเดียว ของผู้ปกครองนครรัฐเทพนารา. ต่อมา ทั้งสองได้ร่วมกัน ปกครองนครรัฐเทพนารา ต่อจากบิดา.

สังข์ ต้องเจออุปสรรค มากมาย จากการตามล่า ของเผ่ามนุษย์กินคน และทหารของนครพันธุรัฐ. และมีเหตุต้องเปลี่ยนโฉมหน้าตัวเอง เป็นคนป่า พูดไม่ได้ ไร้อัตลักษณ์ ที่จะระบุได้ว่าคือ สังข์. เขาเสี่ยงชีวิต เข้าไปช่วยเพื่อน สินสมุทร กับ สุดสาคร. แม้เขาต้องเสี่ยง แต่เขาก็ได้รับพรจากสวรรค์ ที่ทำให้เขา เป็นคนมีความสามารถพิเศษ เรียนรู้เร็ว. ในที่สุด สังข์ ได้ขโมยยานบิน ของนครพันธุรัฐ หนีรอดออกมาได้ เพียงคนเดียว. ยานบินตกในพื้นที่ นครรัฐเทพนารา. และที่นั่น ทำให้ชีวิตของเขาพลิกผัน แบบคาดไม่ถึง.

 

(2) เอื้อย

จากนิทานพื้นบ้าน เรื่อง ปลาบู่ทอง. เรื่องนี้ รับบทเป็น ลูกของแม่เลี้ยง และพี่เลี้ยง (อ้าย) ใจร้าย. ส่วนแม่แท้จริง ทิ้งเธอไป ปล่อยให้อยู่กับพ่อขี้เมา. พ่อของเธอ เลี้ยงดูอย่างอดอยาก ตามยถากรรม. ตลอดเส้นทางการผจญภัย ได้หล่อหลอมให้ เอื้อย หลงรัก สังข์ มาตลอด. แต่ต้องมาผิดหวัง เมื่อ สังข์ ต้องแต่งงานกับ รจนา. เธอสูญเสียคนรัก แต่เธอก็ได้รับสิ่งหนึ่งทดแทน. ในบั้นปลายชีวิต, เอื้อย กับ โสนน้อย ได้รับการอุปถัมภ์ จากขุนนางชั้นสูง ที่เป็นผู้แทนนครรัฐนาร์เนีย (Nar Nia) ซึ่งเดินทางมาในฐานะทูต สัมพันธไมตรี กับนครรัฐเทพนารา. และรับเธอทั้งสองคน เป็นบุตรบุญธรรม. เอื้อย ได้เป็นเจ้าหญิง นามว่า เองเจลลินา และ โสนน้อย ได้เป็นเจ้าหญิง โบนิตา.

 

(3) โสนน้อย

จากนิทานพื้นบ้าน เรื่อง โสนน้อย เรือนงาม. รับบทเป็น ลูกของ นางบุญเรือน แม่เลี้ยงใจดี กับนายลม ผู้เป็นพ่อ ที่นอกจากขี้เหล้าแล้ว ยังเป็นคนมีมิจฉาทิฐิ, กล่าวหาว่า โสนน้อย เป็นเด็กกาลกิณี พาคนตายเข้าบ้าน. เพราะทำให้แม่ตาย ตอนเธอคลอด และรอดชีวิต. ชีวิตบั้นปลาย ได้อยู่ร่วมกับ เอื้อย ในฐานะเจ้าหญิง แห่งนครรัฐนาร์เนีย.

 

(4) สินสมุทร
(5) สุดสาคร

สองพี่น้อง จากวรรณคดี เรื่อง พระอภัยมณี. ในเรื่องนี้ ทั้งสองคน รับบทเป็น พี่น้องชาวเล มีพ่อคนเดียวกัน แต่คนละแม่. สองพี่น้อง รักใคร่กันดีมาก. พ่อกับแม่ พากันออกเรือไปค้าขาย ปล่อยให้อยู่กับป้า ที่จู้จี้ขี้บ่น. ผ่านไปนานหลายปี พวกเขาต้องการ ออกตามหาพ่อกับแม่. เมื่อพบกับ สังข์ เอื้อย โสนน้อย ซึ่งมีจุดประสงค์เดียวกัน จึงตกลงพร้อมใจกัน ออกผจญภัยไปตามฝัน เพื่อตามหาพ่อกับแม่.

ที่จริงพวกเด็กๆ ทั้ง 5 คน เป็นเสมือนพี่น้องร่วมสาบาน. พวกเขา ถูกจับเป็นเชลย ในนครพันธุรัฐ โดยไม่ได้ตั้งใจ. พวกเขาจำเป็นต้องไปจากที่นี่ แต่ในตอนท้าย ของการหนีออกไปจาก นครพันธุรัฐ, พวกเขาต้องแยกทางกัน. สังข์ เอื้อย โสนน้อย หนีออกมาได้ แต่สองพี่น้อง หนีไม่ทัน ถูกจับไปเป็นสัตว์ทดลอง ในห้องแ็ล็บ. สังข์ ต้องย้อนกลับไปช่วยสองพี่น้อง แต่ทำไม่สำเร็จ. สินสมุทร กับ สุดสาคร ต้องจบชีวิตในนครพันธุรัฐ ไม่มีโอกาสได้พบพ่อแม่เลย.

 

(6) รจนา หรือ รจนารินี

เป็นบุตรีคนเดียวของ สมลักษณ์ วงศ์นารา ผู้ปกครอง แห่งนครรัฐเทพนารา (ประธานนครรัฐ) กับ ท่านหญิงมณฑิรา. (ล้อชื่อ ท้าวสามล และ นางมณฑา จากเรื่อง สังข์ทอง) รจนา พบรักและแต่งงานกับ สังขวุฒิ, ใช้ชีวิตครองเรือน อยู่ในเครือข่ายชุมชนสันติอรุณ. ต่อมา หลังจากบิดา ถูกพวกกบฏ สังหาร. เธอได้รับการสถาปนา เป็นประธานนครรัฐคนใหม่ ปกครองนครรัฐ ร่วมกันกับสามี สังขวุฒิ วิมลมาศ.

 

(7) พลายงาม

จากวรรณคดีไทย เรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน. ในเรื่อง รับบทเป็น ลูกของนางพิม ซึ่งเป็นหลานของ นางทอง แห่งเมืองกาญจนา. มีพ่อ แต่ติดคุก. เอื้อย กับ โสนน้อย พเนจรมา เห็นพลายงาม กำลังจะถูกพ่อเลี้ยงหัวล้านฆ่า ที่ป่าแห่งหนึ่ง. เอื้อยกับโสนน้อย ช่วยชีวิตไว้ทัน จึงได้เป็นเพื่อนกัน. นางพิม ส่งเด็กทั้งสามคน ไปอยู่กับแม่สามี ชื่อ นางทอง ที่เมืองกาญจนา.

และอยู่ที่นั่นจนกระทั่ง โตเป็นหนุ่มสาว. โสนน้อย กับ พลายงาม ก็มีจิตผูกพันกัน ในฐานะคนรัก. แต่พลายงาม จะต้องแต่งงานกับ สร้อยมณี ตามบัญชาของ ย่าทอง. ขณะที่ เอื้อย ก็มีจิตผูกพันอยู่กับ สังข์. โสนน้อย จำเป็นต้องตัดใจ ชวน เอื้อย เพื่อนรัก ออกจากบ้านของย่าทองไป.

 

(8) สิงห์ดำ หรือ สิงห์

จากนิทานพื้นบ้าน เรื่อง ขวานฟ้า หน้าดำ. ในเรื่อง รับบทเป็น ลูกของช่างไม้แกะสลัก. เขาจึงคุ้นเคยกับขวาน และใช้ขวานเป็นอาวุธ. เขาเกิดมา มีปานดำรูปสายฟ้า ที่ใบหน้า. มีภูมิคุ้มกันและพลังพิเศษ มาตั้งแต่เกิด. สิงห์ มีภูมิต้านทาน กระแสไฟฟ้าแรงสูง. ต่อมา ได้เป็นเพื่อนร่วมทาง และเป็นผู้คุ้มครอง เอื้อย โสนน้อย หลังจากออกจากบ้าน ย่าทอง มุ่งหน้าสู่ มหานครรัฐเทพนารา. เขา ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ช่วงที่เอื้อยกับโสนน้อย ต้องออกผจญภัย. ต่อสู้กับเหล่าคนร้าย ในนครรัฐเทพนารา จนบุคคลทั้งสาม ไปใช้ชีวิตอยู่กับ ชาวชุมชนสันติอรุณ. เมื่อสังข์กับรจนา เข้ารับตำแหน่ง ผู้ปกครองนครรัฐ. สิงห์ ก็ได้รับเชิญ ให้เป็นหัวหน้าองครักษ์ พิทักษ์ผู้นำของนครรัฐ.

 

ตัวละครรอง (extra main character)

 

(9) นายหญิงพันธุรัฐ

จากบทบาท นางยักษ์พันธุรัต ในวรรณคดี เรื่อง สังข์ทอง. เรื่องนี้ รับบทเป็น ผู้ปกครองนครรัฐอิสระตลอดกาล. ทุกคนจะเรียกว่า “นายหญิง” เป็นผู้นำเผด็จการ ที่มีความเด็ดขาด โหดร้าย ในสายตาของผู้ใกล้ชิด. เป็นผู้นำในการสร้างนวัตกรรม ฟิสิกค์ควันตัม นวัตกรรมทางชีวภาพ และเครื่องจักรกล ร่วมกันกับ นักวิทยาศาสตร์ ผู้เป็นสามีลับๆ ชื่อ นาเคนทร์. นายหญิง ใช้ชีวิตอยู่ในร่าง ของหญิงสาววัยกลางคน ทั้งที่อายุจริงเกือบ 150 ปี แล้ว โดยอาศัยเทคโนโลยีทางชีวภาพ ช่วยให้ไม่แก่ ตามอายุจริง.

 

(10) นาเคนทร์ หรือ เคน

จากบทบาท ของท้าวภุชงค์ (พยานาคราช) เจ้าเมืองบาดาล ผู้เป็นเพื่อนของ นางยักษ์พันธุรัต ในวรรณคดี เรื่อง สังข์ทอง. ในเรื่องนี้ รับบทเป็น เฒ่าเคนผู้อหังการ สู้กับเหล่าภูติ ปีศาจ สัตว์ร้าย ด้วยเวทกล ที่เขาคิดประดิษฐ์ขึ้น. นาเคนทร์ รับภาระเลี้ยงดู และสั่งสอนกลยุทธ์ การต่อสู้ให้แก่ สังข์ เอื้อย และโสนน้อย ในช่วงวัยเด็ก. แม้นิสัยของเขา จะไม่ชอบเด็ก แต่ความอ่อนหวาน ความซื่อบริสุทธิ์ และความกล้าหาญ ของพวกเด็กๆ ทำให้เขา เกิดความรัก และเป็นห่วงพวกเด็กๆ เหมือนลูกของตัวเอง. เขามีความจำเป็น จะต้องส่งเด็กกลับบ้าน ด้วยวิธีของเขา.

 

(11) เฒ่าทะเล

จากบทบาทของ ชายชราชาวเล ในเรื่อง The Old man and the Sea. ในเรื่องนี้ รับบทเป็น ผู้เฒ่าชาวเล ที่ชาวบ้านย่านนั้น กล่าวหาว่าเป็นคนบ้า. เขาชอบเก็บตัวคนเดียว โดดเดี่ยวจากผู้คน. เขามีเครื่องมือพิเศษ และมีความสามารถพิเศษ. ต่อมา เกิดชอบพอใจ พวกเด็กๆ, สินสมุทร สุดสาคร สังข์ เอื้อย โสนน้อย เพราะเห็นแววฉลาด และความมุ่งมั่น ที่จะเป็นนักผจญภัย ล่องเรือเดินทะเล ออกตามหาพ่อแม่. เฒ่าทะเล จึงสอนวิธีเดินเรือให้, และ มอบเครื่องดนตรีให้ สินสมุทร. เครื่องดนตรีนี้ กลายเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิต พวกเด็กๆ ในคราวผจญภัยทางทะเล โดยไม่ได้ตั้งใจ. เพราะมันสามารถเรียกปลา ให้มาเป็นอาหารได้ และ มันสามารถสยบ พวกผีเสื้อสมุทรได้.

 

(12) นางทองศรี หรือ ย่าทอง

จากบท นางทองประศรี ในวรรณคดี เรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน. ในเรื่องนี้ รับบทเป็น ย่าของพลายงาม. มีสามีเป็นทหาร ชื่อ ไกรวัลย์ แต่ถูกเพื่อนรักหักหลัง และตายในสงคราม. นางเป็นผู้มีภูมิรู้ เป็นกุลสตรีตัวอย่าง และเป็นครูผู้สอน ให้ เอื้อยและโสนน้อย เรียนรู้วิทยาการ ภาษา งานบ้าน อาหาร และความรู้ต่างๆ.

 

(13) พ่อใหญ่รักพูน

เป็นปราชญ์ชุมชน ในหมู่บ้านสันติอรุณ ชุมชนแห่งการพึ่งพาตนเอง. สันติอรุณ เป็นการจำลองวิถีชีวิต วัฒนธรรม ของชุมชนสันติอโศก ของชาวอโศก ประเทศไทย. พ่อใหญ่รักพูน เป็นผู้มีบทบาทสำคัญ ร่วมกับ แกนนำคนสำคัญอื่นๆ ในชุมชน เช่น สมภารรัตน์ ครูเพ็ญพร เป็นต้น.

 

(14) สมลักษณ์ วงศ์นารา และ
(15) ท่านหญิง มณฑิรา

สมลักษณ์ จากบทบาทของ ท้าวสามล และ ท่านหญิงมณฑิรา จากบทบาทของ พระนางมณฑา ในวรรณคดี เรื่อง สังข์ทอง. เรื่องนี้ สมลักษณ์ รับบทเป็น ประธานนครรัฐเทพนารา และ ท่านหญิงมณฑิรา ผู้เป็นภริยา มีบุตรีเพียงคนเดียว คือ รจนา หรือ รจนารินี.

 

(16) ยศกร วิมลมาศ และ
(17) คุณจันทนี

ยศกร จากบทบาทของ ท้าวยศวิมล และ จันทนี จากบทบาทของ พระนางจันท์เทวี ในวรรณคดีเรื่อง สังข์ทอง. ในเรื่องนี้ รับบทเป็นพ่อและแม่แท้ๆ ของเด็กชายสังขวุฒิ.

 

(18) ธนญชัย

จากบทบาท ศรีธนญชัย ในนิทานพื้นบ้าน เรื่อง ศรีธนญชัย. ในเรื่องนี้ รับบทเป็น หลานแท้ๆ ของนายหญิงพันธุรัฐ. มีนิสัยเจ้าเล่ห์ ริษยา พยาบาท. เป็นศัตรูตัวสำคัญ ของพวกเด็กๆ ทั้ง 5 คน ที่ถูกนำมาเป็นเชลย, แต่ให้อยู่ในฐานะพิเศษ.

 

(19) เมธาวรรณ

จากบทบาท พระนางจันทาเทวี ในวรรณคดี เรื่อง สังข์ทอง. ในเรื่องนี้ ได้รวมเอาอุปนิสัยร้ายของ สุเมธา, นางแม่มดเฒ่าเจ้าเล่ห์ เข้าไปด้วย. จึงให้ชื่อว่า เมธาวรรณ. เป็นภรรยาคนที่สองของ ยศกร วิมลมาศ ผู้ว่านครวิชัยยศ. เป็นผู้บงการฆ่า สังข์ ด้วยการส่งคนร้าย ไปจับเด็กสังข์มัดมือเท้า ทิ้งลงในคลองน้ำ จนเป็นต้นเหตุของเรื่องราว ทั้ง 3 ภาค ของนวนิยายเรื่องนี้.

 

ตัวละครประกอบ (extra)

 

นายชิด แม่นวล แม่ปราง

คนรับใช้ใกล้ชิด ของบ้านผู้ว่านครวิชัยยศ.

ทนายบุญยืน

ทนายความ ประจำตัวของ ท่านผู้ว่ายศกร.

ตาเปลว ยายปิ่น

สองตายาย ซึ่งมีศักดิ์เป็นตา และ ยาย ของนางจันทนี แม่ของ เด็กชายสังขวุฒิ.

ครูเพ็ญ

ครูสอนหนังสือ ของ พวกเด็กๆ ในหมู่บ้านแสงสุข. สอนหนังสือ ในวัยเด็กให้แก่ สังข์ เอื้อย และ โสนน้อย.

จาอู, ซู, อัง, กาก้า, บันตู และ มาลา

พี่เลี้ยงทั้ง 6 ที่อาสาพา สังข์ เอื้อย โสนน้อย ออกจากหมู่บ้านป่าอาถรรพ์. แต่พี่เลี้ยงทั้งหมด ตายระหว่างทาง ไม่มีใครรอดกลับไปหมู่บ้านของตัวเอง.

เพชร, บ่าวหลา

พี่เลี้ยง ช่วยซ่อมเรือ และร่วมเดินทางผจญภัย ไปกับเด็กๆ สินสมุทร สุดสาคร สังข์ เอื้อย โสนน้อย และำทำหน้าที่เป็น กะลาสีเรือ.

.

.

นายพลอัศวิน, ดร.วีรพล

บุคคลสำคัญ ที่ช่วยผลักดันโครงการด้านเทคโนโลยี ให้แก่นายหญิงพันธุรัฐ. นายพลอัศวิน ผู้นำด้านการใช้และทดลองอาวุธ. ดร.วีรพล ผู้เชี่ยวชาญในห้องแล็บ. เมธา เจน แทน พ่อบ้านอาคม เป็นผู้ช่วย.

เมธา, เจน, แทน, พ่อบ้านอาคม

ผู้ช่วย และ เจ้าหน้าที่ ในโครงการพัฒนาเทคโนโลยี นครพันธุรัฐ.

สมภารบุญ และ ลุงสิน

เจ้าอาวาสวัดส้ม แห่งเมืองกาญจนา และมี ลุงสิน เป็นผู้ดูแลวัด พร้อมด้วยชาวชุมชน ที่อยู่รอบๆ วัดส้ม. สมภารบุญ เป็นผู้มีบทบาท ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ให้แก่ นางทองศรี และ พลายงาม หลานชาย.

บุญทิ้ง, อบเชย, พริ้ง, ยายเมี้ยน, น้อย, เนียน

ทั้งหมด เป็นผู้อาศัย คอยรับใช้ อยู่ในบ้านของ ย่าทอง ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ของเมืองกาญจนา. บุญทิ้ง กับ อบเชย สองผัวเมีย มีน้องสาว ชื่อ พริ้ง. ส่วน ยายเมี้ยน เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งผู้รับใช้ใกล้ชิด ย่าทอง และทำหน้าที่เป็น แม่ครัวให้กับเรือนใหญ่.

สร้อยมณี หลานสาวของ นนทกาญจน์

สร้อยมณี เป็นหญิงสาวรุ่น ที่ย่าทอง หมายหมั้นจะให้แต่งงานกับ พลายงาม ผู้เป็นหลานชาย. เธอเป็นหลานสาวของ ท่านผู้ว่าเมืองกาญจนา นามว่า นนทกาญจน์ หรือ คุณนนท์ ผู้เป็นเพื่อนสามีของ ย่าทอง.

เสริฐ

นักเลงอันธพาล .

แพรวา, ภูเวียง, ยายเพลิน

แพรวา กับ ภูเวียง เป็นหลานของ ยายเพลิน ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตชุมชนแออัด ที่อยู่ชายขอบ ของนครรัฐเทพนารา. เป็นครอบครัว ที่ให้ที่พักพิงแก่ เอื้อย โสนน้อย และ สิงห์ดำ ในระยะแรก ที่เข้ามาผจญภัยในเมืองกรุง.

สมภารรัตน์

ประธานสงฆ์ ในชุมชนสันติอรุณ ตอนเป็นฆราวาส เป็นเพื่อนสนิทกับ พ่อใหญ่รักพูน ปราชญ์ชุมชน.

ชาวชุมชนสันติอรุณ

ครูเพ็ญพร ประธานชุมชนสันติอรุณ. พร้อมด้วยสมาชิกคนอื่นๆ ได้แก่ ใบพุทธ แพงดิน. เนียน และ ลำภู สองสามีภรรยา กับบุตรสาวฝาแฝด ชื่อ พิศพิไล กับ พิมพ์พิลาศ.

เอื้องทิพย์

เพื่อนสนิทของ รจนา ผู้มีบทบาท ช่วยประสานความเข้าใจ ระหว่าง ท่านหญิงมณฑิรา กับ รจนา เรื่อง ความสัมพันธุ์ระหว่าง รจนา กับคนรักของเธอ.

พ่อบ้านจรัลพิทักษ์ แม่บ้านประไพ, เนติ

สองสามีภรรยา ผู้รับใช้ในคฤหาสน์ ของประธานนครรัฐเทพนารา พร้อมด้วย เนติ คนขับรถประจำตำแหน่ง ประธานนครรัฐ.

ลูกขุนพรพิไล และ ลูกขุนทินกร

ลูกขุนในสภา ผู้มีบทบาทสำคัญในสภาลูกขุน แห่งนครรัฐเทพนารา.

มุขมนตรีพาหิระ, มุขมนตรีสกล, มุขมนตรีสุเทพ

เป็นคณะมนตรีคนสำคัญ ของรัฐบาลแห่งนครรัฐเทพนารา. มักทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ ผู้นำนครรัฐ. กระทั่งท้ายสุด พาหิระ กลายเป็นกบฏต่อแผ่นดินเทพนารา. เขาเป็นผู้บงการ สังหารท่านผู้นำ ประธานนครรัฐ สมลักษณ์ วงศ์นารา. แต่เมื่อพ่ายแพ้ ถือโอกาสหนีรอดไปได้.

นายพลรังสรรค์

แม่ทัพใหญ่ ของนครรัฐเทพนารา ผู้รักษาการ ระหว่างรอยต่อการสถาปนา ผู้นำนครรัฐคนใหม่ (รจนารินี - บุตรสาว) แทนคนเก่า (สมลักษณ์ วงศ์นารา - บิดา).

ลอร์ดเอลเลป เลดี้ลูซี่ และ เลดี้ซูซาน่า

ทั้งหมดเป็นทั้งผู้แทน และ เอกอัครราชทูต แห่งนครรัฐนาร์เนีย. ท่านลอร์ดเอลเลป และเลดี้ลูซี่ พร้อมด้วย เลดี้ซูซาน่า บุตรี. มาเป็นทูตในนามกษัตริย์ ผู้ครองนครรัฐนาร์เนีย เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีกับ นครรัฐเทพนารา. ต่อมา มีคนร้ายข้ามแดน มาลอบสังหารท่านลอร์ดและภรรยา แต่ เอื้อย กับ โสนน้อย ช่วยปกป้องอารักขา จนปลอดภัยทั้งสองท่าน. แต่ท่านลอร์ดต้องสูญเสียบุตรีไป จึงรับ เอื้อย โสนน้อย ไว้เป็นบุตรบุญธรรม แทนบุตรีที่เสียไป และพาไปอยู่ที่นาร์เนีย.

[กลับไป TOPIC]

เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์

ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
เฝ้าใฝ่ฝัน ขอให้เป็นจริง
ความรัก ความกตัญญู เหนือกว่าทุกสิ่ง
แนบอกแม่อิง อุ่น ไอ รัก

ฝ่าอันตราย สิ่งเลวร้ายนานา
สู้อาสา แม้ยากยิ่งนัก
ความโหดร้าย ริษยา อ่อนล้าเหนื่อยหนัก
ต้องกล้าหาญหัก อุปสรรค สู้ทน

ภูติป่า อสูรร้าย เหตุการณ์ท้าทายให้สู้
ต้องยืนหยัดอยู่ กอบกู้ หมู่ประชาชน
เพื่อแม่ เพื่อรัก เพื่อความภักดี ต้องทน
ข้าขอผจญ มารร้าย พ่ายแพ้ไป

ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
คืนฝันวันหวัง ยังอยู่ในใจ
ความรัก ความหวัง คือพลังยิ่งใหญ่
โอ้แม่จ๋า แม่อยู่ไหน ลูกเหนื่อยเหลือเกิน.

 

[กลับไป TOPIC]

ฉาก และ องค์ประกอบฉาก
   mise-en-scene

 

ประตูข้ามมิติเวลาจักรวาล Spacetime Gate Machine : STG*

 

เป็นเครื่องจักรกลฟิสิกค์ควันตัม ขนาดเล็กจิ๋ว แต่มีพลังงานสูง. โครงสร้างภายนอก เป็นรูปวงแหวนทรงกระบอก เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.45 เมตร ความกว้าง ของทรงกระบอก 95 ซม. ความหนาของกระบอกวงแหวน 50 ซม. ตัวเปลือกกระบอกวงแหวน ถูกวางตั้งฉากกับผิวโลก. บนเท่น ทำด้วยโลหะพิเศษ ที่มีส่วนผสม ของธาตุนิวตรอนเข้มข้นสูง ภายในวงแหวนทรงกระบอก ติดตั้งปืนยิงอิเลกตรอน 3 กระบอก ทำหน้าที่ยิงลำแสง นิวตริโอโบซอน (neutriO-boson)

 

ลำแสง นิวตรีโอโบซอน เป็นปฏิกิริยาฟิวชั่นของ นิวตรีโน ที่เกิดจากการผสม ของธาตุที่เป็นอนุภาคสสาร คือ อิเล็กตรอน มิวออน และเทา กับอนุภาคที่เป็นพาหะของแรง คือ โฟตอน กลูออน และโบซอน. ลำแสงนิวตริโอโบซอน จะส่งต่อพลังงาน หมุนวนกันไปทั้ง 3 กระบอก, มองเห็นเป็น ลำแสงทรงสามเหลี่ยมด้านเท่า. ลำแสงที่เป็นรูปสามเหลี่ยม จะสั่นเพื่อสร้างความถี่ของทุกๆ สิ่งที่อยู่รายรอบ (ความถี่คลื่นเสียง ความถี่ไฟฟ้า – แม่เหล็กไฟฟ้า ความถี่คลื่นแสง – เวลา เร่งเวลาให้แสงเดินทางเร็วขึ้น) กลายเป็นพลังงานซึ่งมีมวลมหาศาล ส่งผลให้เวลา และ สถานที่รอบๆ ปั่นป่วน.

 

ความถี่ต่างๆ ที่มันสร้าง มาจากการตั้งค่าที่กุญแจ ที่เป็นรูปสามแฉก. โดยมันจะพาวัตถุ ที่อยู่ในรัศมีดึงดูด พร้อมด้วยตัวมันเอง หดหายไปยัง จุดเวลา และพิกัดสถานที่ในจักรวาล ตามที่ได้ตั้งค่าไว้ใน ลูกกุญแจ. ชิปคอมพิวเตอร์ จะทำงานโดยใช้พลังงาน จากแบตเตอรี่ ที่ถูกสร้างขึ้นมาแบบพิเศษ ไม่มีวันหมดอายุ.

 

[*ถ้าเทียบกับ ท่อวงแหวน ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 100 เมตร ยาว 27 กิโลเมตร ของเครื่องเร่งอนุภาค LHC (Large Hadron Collider) ตั้งอยู่ในแถบภูเขาชายแดน ระหว่าง ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์, STG เครื่องนี้เล็กกว่าเป็นร้อยเท่า]

 

 

ลูกกุญแจ เป็นแท่งโลหะทรงกลมปลายแหลม แยกออกเป็นสามเหลี่ยมด้านเท่า. โครงสร้างภายใน ทำจากโลหะผสมพิเศษ มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่สลับซับซ้อน. โดยที่ส่วนปลายของแต่ละแฉก จะมีหลอดไฟทรงสามเหลี่ยมด้านเท่า กระพริบ ถ้าปลายด้านนั้น หันไปทางทิศที่อยู่ตรงข้ามกับ เครื่อง STG ตั้งวางอยู่.

กุญแจ ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่พิเศษ โดยให้ดูสถานะ จากไฟรูปสามเหลี่ยม ที่อยู่บนผลึกแก้ว ตรงกลางของรูปสามแฉก.

 

พิกัดเวลา และ พิกัดสถานที่ ในจักรวาล มีให้ตั้งค่า 3 พิกัด คือ พิกัดปัจจุบัน พิกัดอดีต และ พิกัดอนาคต. ตั้งเสร็จแล้ว ต้องล็อกปุ่มพิกัดปัจจุบันเสมอ, มิฉะนั้น ไปแล้วจะกลับไม่ถูก. ถ้าต้องการไปอดีต ก็ให้ปิดปุ่มการทำงาน ของพิกัดอนาคต ถ้าต้องการไปอนาคต ให้ปิดปุ่มการทำงาน ของพิกัดอดีต.

 

วิธีใช้งาน นำเครื่องออกตั้งในที่มีแสงแดด ตั้งพิกัดเวลา และ พิกัดสถานที่ในจักรวาล แล้วนำลูกกุญแจ ค่อยๆ เข้าไปใช้จุดศูนย์กลาง ระหว่างปืนอิเล็กตรอน. เครื่องก็จะเริ่มทำงาน ยิงลำแสง ออกจากปลายปืนอิเล็กตรอน ทั้ง 3 กระบอก พร้อมกัน จนเห็นเป็นลำแสงรูปสามเหลี่ยม. แล้วจะเกิดลำแสงที่ลูกกุญแจ เชื่อมต่อกับปืนยิงอิเล็กตรอน.

 

เชื่อต่อเสร็จ, หมุนลูกกุญแจ บิดทวนเข็มนาฬิกา จะลดค่ามุมภายใน ของลำแสงอิเล็กตรอน รูปสามเหลี่ยมให้น้อยลง น้อยลงไปเรื่อยๆ จนกว่า ค่ามุมภายใน ของลำแสงรูปสามเหลี่ยม รวมกันเหลือ 0 เท่ากับ ประตูมิติเวลาปิด. ระหว่างนั้น ทุกอย่าง (ทั้งตัวคน และตัวเครื่อง STG) จะถูกดูดหายไป ณ พิกัดปัจจุบัน. และเมื่อไปถึงปลายทาง (อดีต หรือ อนาคต แล้วแต่ที่ตั้งค่าไว้) ก็ให้หมุนลูกกุญแจ บิดตามเข็มนาฬิกา (บิดไปขวา) จะเพิ่มค่ามุมภายใน ของลำแสงอิเล็กตรอน รูปสามเหลี่ยมให้มากขึ้น มากขึ้นไปเรื่อยๆ รอจนกว่า ค่ามุมภายใน ของลำแสงรูปสามเหลี่ยม จะเท่ากับ 360 เท่ากับ ประตูมิติเวลาเปิด. ระหว่างนั้น ทุกอย่าง (ทั้งตัวคน และตัวเครื่อง STG) ก็จะถูกผลัก ออกมาอยู่ ณ พิกัดปลายทาง. ค่ามุมองศา จาก 0 - 360 จะปรากฏให้เห็นบน หน้าปัทม์เดียวกันกับ ที่ระยะพิกัด.

 

เครื่องย้อนเวลา ในภาพยนตร์ แนวตลก-ผจญภัย-วิทยาศาสตร์ เรื่อง “เจาะเวลา หาอดีต” หรือ Back to The Future (1985) ซึ่งเขียนบท โดย Zemeckis และ Bob Gale สร้าง-กำกับ โดย Robert Zemeckis เป็นเครื่องจักรกล สำหรับย้อนเวลา (Time machine) ไปในอดีต หรือ อนาคต ในพิกัดพื้นที่เดียวกันเท่านั้น, ไม่สามารถไปต่างพื้นที่ได้ เหมือนกับการ นั่งดูหนังย้อนเรื่องสลับไปมา อยู่กับที่ แต่สำหรับเครื่อง STG เครื่องนี้ มีคุณสมบัติพิเศษกว่า ตรงที่ เลือกพิกัดสถานที่ได้ด้วย.

STG หลังถูกพาออกจาก หมู่บ้านไร้เวลา แล้ว จะถูกพาไปเก็บซ่อนไว้ที่ ถ้ำมรกตของพระอุมาเทวี ในเมืองมรกตนคร. และ เจ้าหญิงไปรยา กับ นายแพทย์ ม.ล.นาถ ไพรวรา จะนำมันไปใช้อีกครั้งหนึ่ง. ส่วน นาเคนทร์ ก็จะพำนักอยู่ที่นั่น ตลอดกาล ในฐานะผู้สอนธรรมขั้นอันติมะ แก่สมเด็จพระราชาธิบดีจักราช และพระราชินีเมยานี.

 

มนุษย์ต่างดาว หรือ เอเลี่ยน โอทู และ อีที

 

อีที กับ โอทู เป็นมนุษย์ต่างดาว (Exoplanet creature) 2 พวก ที่เข้ามา อาศัยอยู่ในโลก และ ดาวอังคาร. หลังจากมันเร่ร่อนไปในจักรวาลได้ระยะหนึ่ง แรงโน้มถ่วง ความเร็วแสง และ เวลา พาพวกมันโคจรปั่นป่วนไปทั่วจักรวาล จนกระทั่งหลุดเข้ามา อยู่ในรัศมีแรงโน้มถ่วงของ โลก และดาวอังคาร. พวกมันก็ถูกขังอยู่เช่นนั้น มาอย่างยาวนาน. ไม่สามารถติดต่อกับ พวกเดียวกันเองในจักรวาล ที่อยู่ต่างมิติได้เลย. (ปัจจุบัน เอเลี่ยน 2 พวกนี้ ก็ยังอาศัยอยู่ในโลก เราจะสัมผัสมันได้ ตอนเกิดวาตภัย และอุทกภัย)

 

โอทู (O2) มีองค์ประกอบของร่างกาย เป็นธาตุ O หรือ ออกซิเจน (oxygen) บริโภคธาตุไฮโดรเยน (H) เป็นอาหารหลัก. ร่างของพวกโอทู จึงโปร่งใส และมีสูตรทางเคมี H2O. เมื่อเทียบสัดส่วน ด้านปริมาณประชากรแล้ว, พวกมนุษย์โอทู มีจำนวนน้อยกว่า พวกมนุษย์อีทีมาก แต่กินจุ. พวกโอทูสามารถก่อรูป เลียนแบบสิ่งที่มันเห็นได้, ไม่ว่าสิ่งนั้น จะเป็นวัตถุ หรือ คน สัตว์. เรียนรู้ภาษาพูด ความคิดของมนุษย์ได้. มันสถิตย์อยู่ที่ไหน ที่นั่นจะมีความชื้นหรือน้ำ และถ้ามันชุมนุมกันที่นั่น เป็นเวลานาน ก็จะเกิดน้ำท่วม.

 

อีที (ET) Electron Terrestrial หรือ มนุษย์อิเล็คตรอน. มีองค์ประกอบของร่างกาย เป็นละอองฝุ่นอิเล็กตรอน บริโภคธาตุไฮโดรเจน (H) เป็นอาหารหลัก เช่นเดียวกับมนุษย์โอทู กับบริโภคอนุภาคไฟฟ้า ที่มีความถี่ตั้งแต่ 50 - 10,000 เฮิร์ทซ์ เป็นอาหารว่าง. มนุษย์อีที เคลื่อนย้ายไปสถานที่ใด จะมีเสียงดังเปรี๊ยะปร๊ะ หึ่งๆ เหมือนหม้อแปลงไฟฟ้า กำลังทำงาน. ถ้ามันเคลื่อนผ่านวัตถุ ที่ทำจากแร่โลหะ หรืออนุภาคที่เป็นสื่อไฟฟ้า ก็จะปรากฎประกายสายฟ้า แลบแปรบปราบ. และถ้ามันมาชุมนุมกันมากๆ ที่นั่นก็จะเกิดความร้อน และไฟใหม้. เวลามันโกรธ มันจะเพิ่มกระแสไฟในตัวเอง และเกิดเพลิงไหม้รุนแรง. สภาวะแวดล้อมยิ่งร้อน ก็ยิ่งจะทำให้มันหิวอาหารมากขึ้น. มนุษย์อิเล็คตรอน ผ่านไปที่ใดที่มีไฟฟ้า ไฟฟ้ามักจะดับ โดยเฉพาะเมื่อมันหิวจัด.

 

มนุษย์โลก ไม่สามารถมองเห็น เอเลี่ยนทั้งสองพวกนี้ได้ ด้วยตาเปล่า. นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์บางกลุ่ม เรียกเอเลี่ยนพวกโอทู และพวกอีที ว่า มนุษย์ก๊าซ. สำหรับเอเลี่ยนพวกโอทู อาจมีสถานะ คล้ายเทวดา ในศาสนาพุทธ หรือเทพ ในศาสนาอื่น. ส่วนเอเลี่ยนพวกอีที ก็อาจเป็นสัตว์จำพวก ซาตาน อสูร ตามทัศนะของ ศาสดาของหลายศาสนา.

 

เมื่อครั้งตั้งอาณานิคม บนดาวอังคาร ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำ แต่ก็ถูกบริโภคหมดไป โดยพวกโอทู. ทำให้พวกอีที ไม่พอใจ และโกรธ เกิดสงครามครั้งใหญ่ บนดาวอังคาร ระหว่างเอเลี่ยนโอทู กับ เอเลี่ยนอีที. พวกโอทู มีกำลังพลน้อยกว่า และน้ำกำลังจะหมดไป จึงยอมแพ้ พากันหลบหนี ย้ายถิ่นฐานไปที่โลก. พวกอีที อยู่บนดาวอังคารได้ไม่นาน น้ำก็หมด. เมื่อไม่มีน้ำ อาหารที่เคยมี ธาตุ H ก็หมดไปด้วย. พวกอีที จึงพากันย้ายถิ่นฐาน ไปแย่งชิงพื้นที่กับพวกอีที ที่โลกมนุษย์. และตั้งแต่นั้นมา เอเลี่ยนทั้งสอง ก็ทำสงครามกันไม่เลิก มาจนถึงทุกวันนี้.

 

เอเลี่ยนสองพวกนี้เป็นศัตรูกัน. พวกมันรู้ว่า มนุษย์ได้สร้างเครื่อง STG ขึ้นแล้ว และมันต้องการ จะออกไปจากมิติโลกมนุษย์ ผ่านเครื่อง STG. สิ่งที่มันต้องทำก็คือ จะต้องขโมยเครื่อง STG โดยอาศัยแรงกลจากคน ช่วยทำงานให้ ผ่านการสะกดจิต. พวกเอเลี่ยน พยายามจะสร้างประตูกาลเวลาให้ได้ แต่ไม่สามารถออกไปจาก มิติของโลกมนุษย์ได้. เพียงแค่ย้อนเวลาไปอนาคตหรืออดีต บนโลกได้เท่านั้น แต่ออกไปจักรวาลอื่นไม่ได้.

 

ประตูกาลเวลา ที่พวกมันสร้างขึ้น กำหนดได้แต่เพียง พิกัดเวลาเท่านั้น (Time period-dimension) ไม่สามารถกำหนดพิกัดสถานที่ได้ (Space coordinates-dimension). มันจึงออกไปจักรวาลอื่นไม่ได้ นั่นเอง. ประตูกาลเวลาของพวกเอเลี่ยน คือ การใช้วัสดุ สะท้อนคลื่นกลับไปกลับมา อาจเป็นกระจกเงา ที่ดีที่สุดสุดคือ วัสดุแผ่นรูปทรงโค้ง เหมือนเลนซ์เว้า หรือจานเรดาร์. โดยมันจะวิ่งชน (ตัวมันเป็นอนุภาค ที่มีขนาดเล็กอยู่แล้ว) วัสดุสะท้อน กลับไปกลับมา จนเกิดความเร็วและความเร่ง. ข้อเสียของประตูกาลเวลา ของพวกเอเลี่ยน คือ ไม่อาจกำหนดพิกัดเวลาที่แน่นอนได้ มันจึงผ่านทะลุเวลา ไปแบบมั่วๆ.

 

ตำนานหนุมาน : เทพแห่งลิง หรือ มนุษย์แสง

 

 

หนุมาน เป็นสิ่งมีชีวิตที่มี กายทิพย์ (มนุษย์แสง). ชื่อนี้ ถูกเรียกโดยมนุษย์โลก ที่นับถือศาสนาพราหมณ์ ฮินดู เพราะพวกเขา เป็นมนุษย์โลกกลุ่มแรก ที่สามารถมองเห็นและติดต่อกับ มนุษย์แสงนี้ได้. หนุมาน จัดอยู่ในกลุ่ม มนุษย์ต่างดาว (Exoplanet creature) ชั้นสูง ที่สามารถสื่อสารกับมนุษย์โลกได้, ดำรงชีพ อยู่ได้ในบรรยากาศ ที่มีธาตุไฮโดรเจน และฮีเลียม เป็นหลัก. และสามารถปรับตัว รับกับธาตุอื่นๆ ได้ด้วย โดยเฉพาะธาตุออกซิเจน. (หนุมาน โอทู อีที จัดเป็นมนุษย์ต่างดาว ที่มีเผ่าพันธุ์แตกต่างกัน)

 

มนุษย์แสง มีชีวิตที่อิสระโลดแล่นไปทั่วจักรวาล แต่มีถิ่นกำเนิด ในบริเวณพิกัดของระบบสุริยะ ในกาแลกซี่ทางช้างเผือก. บริเวณระบบสุริยะ เป็นแหล่งผลิตออกซิเจนมากที่สุด. จึงเป็นสถานที่ชุมนุม ของมนุษย์แสง.

มนุษย์แสง สามารถรับช่วงความต่างศักดิ์ทางไฟฟ้า และอุณหภูมิได้ไม่จำกัด. มีแสงสว่างในตัวเอง ร่างกายโปร่งใส ไม่หยาบเหมือนกายมนุษย์ หรือสัตว์ในปัจจุบัน. มีอายุยืนยาวหลายแสนปี มีอาวุธประจำตัว คล้ายตรีศูร (ตามความเชื่อ ของพราหมณ์) ที่จริง มันคือกุญแจ ควบคุมวิถีโคจรของตัวเอง.

 

ครั้งหนึ่งในอดีต ตามตำนาน, หนุมาน ซึ่งอาจมีสถานะเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์ (อาจจะ) เดินทางมาบรรจบ อยู่กึ่งกลาง ระหว่างการต่อสู้ของ มนุษย์แสงเผ่าพันธุ์เดียวกัน ซึ่งมนุษย์โลกรู้จักในชื่อ รามสูร และ นางเมขลา. หนุมาน ถูกอาวุธของ รามสูร (รูปร่างคล้าย ขวาน ในมุมมองของมนุษย์โลก) พุ่งชน จนกุญแจหลุดออกจากร่าง, หล่นลงไปในถ้ำ บนเกาะร้างกลางทะเล. เป็นเหตุให้ ศูนย์ควบคุมระบบโคจรทั้งหมด สูญเสียไป. ร่างของหนุมาน เปลี่ยนเป็นลิงเผือก หล่นลงไปในเกาะร้างนั้นพร้อมกัน.

 

ลิงเผือกไม่สามารถลงไปเอา กุญแจของตัวเองในถ้ำได้ เพราะมีงูยักษ์เฝ้าอยู่. เหตุการณ์นั้น ผ่านไปเป็นหมื่นปี หรือหลายหมื่นปี ไม่อาจนับเวลาที่แท้จริงได้. จนกระทั่ง พวกเด็กๆ พลัดหลงไปพบเข้า โดยบังเอิญ. เด็กสังข์ บังเกิดนิมิต มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เกี่ยวกับอุบัติเหตุ ที่มนุษย์แสง หนุมาน ได้รับ, จึงนำอาวุธ มาคืนให้. อิทธิฤทธิ์และระบบกลไกต่างๆ ของมนุษย์แสง หนุมาน ก็กลับคืนมา.

 

นครพันธุรัฐ

 

เป็นนครรัฐอิสระ ที่ตั้งอยู่บนแหลมแห่งหนึ่ง บนเกาะใหญ่. มีอุณหภูมิโดยทั่วไป เฉลี่ยประมาณ 20 องศาเซลเซียส. เต็มไปด้วย หมอกและฝน. ปกครองโดยผู้นำเผด็จการหญิง ซึ่งมีจิตใจค่อนข้างโหดร้าย ซึ่งทุกคนจะเรียกว่า “นายหญิง”

ตอนที่พวกเด็กๆ ถูกจับไปเป็นทาส อายุจริงของนายหญิง 150 ปี. แต่ที่ยังดูสาว อายุ 40 ปี เพราะ สารปฏิชีวภาพ ที่เธอค้นพบและฉีดเข้าไปในร่างกาย. สารนี้จะไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อ และให้กำเนิดเซลล์ใหม่ ทดแทนเซลล์เก่าที่ตายไป ทำให้นายหญิง ดูสาว ไม่แก่ตามอายุจริง. นายหญิง มีทหารองครักษ์ คุ้มครองเมือง อย่างแน่นหนา. ประชาชนในเมืองนี้ จะถูกเกณฑ์ไปเป็นแรงงานทาสก่อสร้าง ทั้งบนดินและใต้ดิน. ผลิตชิ้นส่วนของเครื่องจักรกล รวมทั้งอาวุธ ขายให้แก่รัฐอื่นๆ ตามใบสั่ง.

 

นายหญิง มีแผนที่จะครองโลก โดยการสร้างเครื่องจักรสมองกล มีห้องแล็บ ทดลองมากมาย. มีนักวิทยาศาสตร์ ที่สำคัญหลายคน. ผลงานเด่นของนักวิทยาศาสตร์ ของเมืองนี้คือ ประตูข้ามมิติเวลาจักรวาล หรือ STG (Spacetime Gate Machine) ซึ่งถูก นาเคนททร์ ขโมยไป. อากาศยานล่องหน รุ่นยูเอฟวี-1 และ ยูเอฟวี-2 สเปรย์ล่องหน สารเคมีเปลี่ยนแปลงเซลล์ร่างกาย สเต็มแคส – 9 นอกจากนี้ ก็ยังมีหุ่นยนต์ เครื่องจักรกล ไว้ใช้งานทั่วไป.

 

นายหญิงพันธุรัฐ มีสามีชื่อ นาเคนทร์ เป็นนักวิทยาศาสตร์. นายหญิง ต้องการทายาทไว้สืบสกุล และต่อยอดอำนาจ แต่ นาเคนทร์ ไม่สามารถมีบุตรให้ได้. และเหตุที่นาเคนทร์หนี ก็เพรา นายหญิง ไปฆ่าน้องชายของเขาตาย. เขาโกรธมาก จึงขโมยเครื่องข้ามมิติเวลาหนีไป. แต่เมื่อนาเคนทร์พบกับสังข์ เขาจึงส่งสังข์มาให้ นายหญิงพันธุรัฐ ไว้เลี้ยงดูเป็นทายาท.

 

นครรัฐเทพนารา

 

เป็นนครรัฐอิสระ ปกครองโดย ประธานนครรัฐ ชื่อ สมลักษณ์ วงศ์นารา มีภรรยาชื่อ มณฑิรา มีบุตรสาวคนเดียว ชื่อ รจนารินี หรือ รจนา. การสถาปนาผู้ปกครอง เป็นไปตามข้อกำหนด แห่งธรรมนูญของนครรัฐ. ซึ่งร่วมกันร่าง ระหว่างประธานนครรัฐ ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุด กับคณะที่ปรึกษาเรียกว่า คณะลูกขุน. คณะลูกขุน จะถูกแต่งตั้ง หรือถอดถอนโดยตรงจาก ประธานนครรัฐ. ดังนั้น คณะลูกขุน เปรียบเสมือนฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ. ส่วนฝ่ายบริหาร ขึ้นกับประธานนครรัฐโดยตรง.

 

ฝ่ายบริหารนครรัฐเทพนารา ประกอบด้วย คณะมนตรี. คณะมนตรีแต่ละตำแหน่ง เรียกว่า มุขมนตรีฝ่ายต่างๆ เช่น มุขมนตรีฝ่ายกลาโหม ฝ่ายมหาดไทย ฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ ฝ่ายการต่างประเทศ ฝ่ายการศึกษาและการพัฒนามนุษย์ ฝ่ายเทคโนโลยี เป็นต้น.

 

มุขมนตรีพาหิระ ชอบวางตัวเป็น เจ้าพ่ออิทธิพล. สมลักษณ์ จึงจำเป็นต้องอิงอิทธิพลของ พาหิระ เพื่อค้ำบัลลังก์ของตน ให้อยู่ได้ต่อไป. เปิดช่องทางให้ พาหิระและพวก ก่อการทุจริตคอรัปชั่นในรัฐบาล. ประชาชนได้รับความเดือดร้อน. จนกระทั่ง คณะลูกขุนได้มีมติ ให้เปลี่ยนนโยบายการปกครอง เป็นแบบเศรษฐกิจพอเพียง-รัฐสวัสดิการ แบบที่ชุมชนสันติอรุณทำอยู่ เรียกว่า สันติอรุณโมเดล. ส่งผลให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น. มีการนำเทคโนโลยีพลังแสงอาทิตย์ มาใช้อย่างเหมาะสม. ตลอดจน ปลดเปลื้องอบายมุขและสิ่งมอมเมา ออกไปจากประเทศ. ส่งผลกระทบ ต่อผู้เสียผลประโยชน์จาก การค้าอบายมุขและการพนัน จนเป็นเหตุให้เกิดการฆาตกรรมท่านผู้นำ ในเวลาต่อมา.

 

นครรัฐเทพนารา เป็นนครรัฐในอุดมคติ. มีสถานที่สำคัญคือ ชุมชนสันติอรุณ, บึงน้ำเจ้าพระยา และตัวเมือง ที่อยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำ สุวรรณนที อันเป็นสถานที่บริหารรัฐกิจ ของประธานนครรัฐ. พัฒนาการสูงสุดของนครรัฐ คือ การปราบปรามการทุจริต จนนำประเทศไปสู่ การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน และการสร้างพลังงานสะอาด ด้วยเทคโนโลยีสีเขียว. มีการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ทั่วทั้งนครรัฐ มีการใช้พลังงานลม ที่รอบๆ บึงน้ำเจ้าพระยา.

 

อากาศยานล่องหน ยูเอฟวี (Unidentified Flying Vehicle)

 

รูปทรงคล้ายนกอินทรีย์กางปีก แต่มีผิวเป็นมันวาว เหมือนกระจกใส. การล่องหนหายตัว ของยาน ยูเอฟวี ใช้หลักการคลื่นไฟฟ้าหักล้างคลื่นแสง. คือ ที่ผิวของยาน จะส่งคลื่นไฟฟ้าที่มีความถี่ระดับหนึ่ง ผ่านตัวแปลงคุณสมบัติคลื่นไฟฟ้า ให้เป็นคลื่นแสง ทำหน้าที่รบกวนคลื่นแสง ที่ตกกระทบระหว่างวัตถุ (ผิวของยาน) มายังนัยน์ตาของมนุษย์. ทำให้มนุษย์ ไม่สามารถมองเห็นวัตถุนั้นได้ หรือมองเห็นได้ ไม่ชัดเจน เหมือนกับการมองผ่านกระจกใส. พื้นผิวของยาน จะเ้กิดรอยบิดเบี้ยว ไปตามรูปทรงของผิว แต่ไม่เป็นอุปสรรค ต่อการมองเห็นวัตถุอื่น ที่อยู่ถัดไป. เพราะคลื่นแสง จากวัตถุที่อยู่ถัดไป สามารถวิ่งอ้อมผ่านคลื่นแสง ที่ถูกรบกวนด้านหน้าได้.

 

ปัจจัยทัศนวิสัย ในการการมองเห็นยาน ได้ชัดเจน ขึ้นอยู่กับองศาของการมอง. คือ มุมตกกระทบ กับนัยน์ตามนุษย์ เท่ากับ 90 องศา, ถ้ามากหรือน้อยกว่านี้ จะทำให้ประสิทธิภาพในการล่องหน สูญเสียไปได้. อากาศยานล่องหน มีขนาดไม่ใหญ่นัก เพื่อให้การล่องหน มีประสิทธิภาพดีที่สุด. ภายในบรรจุที่นั่งนักบิน 3 คน.

 

อากาศยานล่องหน ถูกสร้างขึ้น 2 รุ่น คือ UFV–1 ความเร็วเหนือเสียง และ UFV–2, นอกจาก มีความเร็วเหนือเสียงแล้ว ยังสามารถลดเสียงของเครื่องยนต์ และการเสียดสีของปีกกับอากาศ (sonic boom) ได้ถึงร้อยละ 80. ทำให้มันบินเงียบและไร้ร่องรอย. รุ่น UFV-2 ติดตั้งอาวุธ ทันสมัยขึ้น.

 

สเปรย์ล่องหน

 

ภายในกระป๋องสเปรย์ จะบรรจุของเหลว ที่มีคุณสมบัติทางไฟฟ้า. เมื่อมันถูกฉีดพ่นออกไป อุณหภูมิของละอองสเปรย์ ที่แตกต่างจาก อุณหภูมิที่พื้นผิวของวัตถุ (ที่ถูกฉีดพ่น) จะสร้างคลื่นเหนี่ยวนำทางไฟฟ้า ที่มีความถี่ระดับหนึ่ง ทำหน้าที่รบกวนคลื่นแสง ที่ตกกระทบระหว่างวัตถุ (ผิวของวัตถุที่ถูกฉีดพ่น) มายังนัยน์ตามนุษย์. ทำใ้ห้มนุษย์ ไม่สามารถมองเห็นวัตถุนั้นได้ หรือมองเห็นได้ไม่ชัดเจน เหมือนกับการมองผ่านกระจกใส ที่มีรอยบิดเบี้ยว ไปตามรูปทรงของผิววัตถุ. แต่ไม่เป็นอุปสรรค ในการมองเห็นวัตถุอื่น ที่บังมันอยู่ถัดไป เพราะคลื่นแสงจากวัตถุที่อยู่ถัดไป สามารถวิ่งอ้อมผ่านคลื่นแสง ที่ถูกรบกวนด้านหน้าได้.

 

ของเหลวที่บรรจุในกระป๋อง มีอุณหภูมิ ต่ำกว่าอุณหภูมิของพื้นผิววัตถุ ที่ถูกฉีดพ่น. ทำให้มีคุณสมบัติ ในการสร้างคลื่นเหนี่ยวนำไฟฟ้า. และเมื่อถูกฉีดพ่นออกไปแล้ว ประสิทธิภาพในการวัตถุล่องหน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ความต่างศักดิ์ของไฟฟ้าสถิตย์ ที่อยู่รอบๆ สภาพอากาศ. โดยเฉพาะ อุณหภูมิในของเหลว ยิ่งมีความต่างมาก (เย็นจัด) ก็จะการมองเห็นเลือนลางมาก ตามไปด้วย.

สเปรย์ล่องหน มีเวลาจำกัดในการใช้งาน. ใช้อำพรางตัวได้ชั่วคราวเท่านั้น และบางสภาพอากาศ ก็ใช้ไม่ได้ผล.

 

สเต็มเคส-9 : สารเคมีเปลี่ยนแปลงเซลล์ร่างกาย

 

มีลักษณะเป็นเจลใส สีเขียวเรืองแสง. ภายในมีโครงสร้างทางเคมีและไฟฟ้า ที่สลับซับซ้อน (มีชื่อเรียกเฉพาะทางว่า “ไมโทซิส – ดิจิไตโคไลซิน” : Mitosis–Digitycholizin). เมื่อถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ จะมีปฏิกิริยาต่อยีน และภาวะจิตใจของผู้นั้นด้วย. กล่าวคือ หลังจากสารนี้ เข้าไปอยู่ในกระแสเลือด ในปริมาณที่พอเหมาะ (สัดส่วน ปริมาณต่อน้ำหนัก = 1 ซีซี : 25 กิโลกรัม) ภายใน ระยะเวลา 10 - 15 นาที จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของยีน. ทำให้เนื้อเยื่อ เลือด พลาสมา และโครงสร้างภายใน ของบุคคลผู้นั้น เซลล์ กล้ามเนื้ออื่นๆ รวมทั้งขน (ที่ไม่ใช่ของแข็ง เช่น กระดูก) เปลี่ยนรูป เปลี่ยนสีไป.

รูปที่เปลี่ยนไป จะขึ้นอยู่กับภาวะจิตใจ ของคนผู้นั้นด้วย ว่ากำลังคิดอะไรอยู่. หลังจากฉีดสารนี้เข้าสู่ร่างกาย จะมีอาการง่วงนอนทันที หลังจากตื่นขึ้นมา ร่างกายก็จะเปลี่ยนรูปไป.

 

สารเคมีเปลี่ยนรูป ต้องการสภาวะแวดล้อม อุณหภูมิ เท่ากับ อุณหภูมิในร่างกายมนุษย์ คือประมาณ 37 องศาเซลเซียส. ดังนั้น สารนี้จะต้องจัดเก็บในภาชนะห่อหุ้ม ที่มีอุณหภูมิ 37 องศาเสมอ. ถ้าอุณหภูมิแวดล้อมต่ำกว่า หรือสูงกว่า คุณสมบัติในการเปลี่ยนรูปก็ทำได้ไม่เต็มที่.

 

ต่อมา ทีมวิจัย ของ ดร.วีรพล แห่งนครพันธุรัฐ ได้พัฒนาสารเคมีดังกล่าว ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น และเร่งปฏิกิริยาให้เร็วขึ้น. ด้วยกระบวนการและเทคโนโลยี ที่เรียกว่า CRISPR-Cas9 ซึ่งเป็นการรวมและแยกคู่ยีน ตลอดจน สามารถซ่อมและแทนที่ ยีนที่มีปัญหา. สิ่งที่ได้ จะถูกบรรจุไว้ในแค็ปซูลขนาดจิ๋ว และเรียกรหัสใหม่ ให้มันว่า สเต็มเคส-9. แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้ ประสบผลสำเร็จเพียงครึ่งเดียว และอาจก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ได้.

 

หากฉีดสารเข้าไปแล้ว จะเกิดผล คือ (1) ปริมาณของสาร ที่ฉีดเข้าไป ถ้ามากเกินไป จะมีผลต่อระบบประสาท อาจเป็นบ้า หรือกลายเป็นสัตว์ประหลาด, ถ้าน้อยเกินไป การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นน้อย (2) เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว จะอยู่ภายในร่างกาย ไปตลอดชั่วชีวิต. ไม่มีโอกาสแก้กลับ เพราะผู้คิดค้นยังไม่สามารถ คิดค้นสารเคมีแก้กลับคืนได้. (3) เมื่อคนผู้นั้น ได้รับอากาศเย็น หรือแช่น้ำนานๆ หรือ ป่วยเป็นไข้ขึ้นสูง ร่างกาย จะเปลี่ยนรูป คืนร่างเดิมชั่วขณะ.

 

ผีเสื้อสมุทร

 

ผีเสื้อสมุทร เป็นสัตว์ท้องทะเลลึก. เผ่าพันธุ์เดียวกับ ปีศาจแวมไพร์. มันเป็นสัตว์สังคม อยู่กันเป็นฝูง เคลื่อนไหวเร็ว. มีร่างกาย เหมือนมนุษย์ผู้หญิงสาวสวย ผิวเนียนเป็นมัน สีเขียวเข้มๆ คอยาว เขี้ยวขาวยาว. ที่คอ มีเกล็ดคล้ายเกล็ดปลา ทำหน้าที่เป็นเหงือก. นัยน์ตากลมโต ใส แบบเดียวกับตาปลา. มีปีกคล้ายปีกค้างคาว บินได้ทั้งบนอากาศและในน้ำ.

 

มีชีวิตอยู่ด้วยมิติเวลา ที่ต่างจากมนุษย์โลก คือ เวลาของพวกมัน จะเร็วกว่าพวกมนุษย์ประมาณ 100 เท่า. ดังนั้น มันจึงเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก แม้แต่กระสุนปืน ก็ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้. แต่สุดสาครและเพื่อนๆ สามารถปราบพวกมันได้ ด้วยการใช้ เครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง ที่เฒ่าทะเลมอบให้ เป่าออกไป. คลื่นเสียงของเครื่องดนตรีชนิดนี้ มีผลให้ระบบเวลา ของพวกผีเสื้อสมุทร สูญเสียไป. มันเคลื่อนไหวช้าลง แต่พวกมันไม่รู้ตัว จึงถูกยิงด้วยปืน ตายเกือบหมด.

 

หลุมดำดูดเวลา / ที่หมู่บ้านไร้เวลา

 

หมู่บ้านไร้เวลา เป็นเขตพื้นที่ดูดเวลา ที่พวกเด็กๆ หลงเข้าไปในนั้น ที่ใจกลางหมู่บ้าน. นาฬิกาจะหยุดนิ่ง เวลา 24 ชั่วโมงที่นั่น จะเท่ากับ 100 ปีในโลกมนุษย์. พวกเด็กๆ หลุดหลงเข้าไปที่นั่น ประมาณ 10 ชั่วโมง ทำให้อายุของ สังข์ เอื้อย โสนน้อย ถูกเบรคไว้ ราว 50 ปี. ทำให้สังข์พบแม่ ตอนแม่มีอายุ 100 ปี แทนที่จะเป็น 50 หรือ 60 ปี เหมือนคนปกติทั่วไป.

 

นอกจากที่หมู่บ้านไร้เวลา พวกเด็กๆ ยังเผชิญกับ สถานที่นอกมิติเวลา คล้ายๆ ที่สามเหลี่ยมเบอมิวดา เช่น การแล่นเรือเข้าไปในเขตมิติเวลาในอดีต พับกับเรือสำเภาโจรสลัด ในช่วงปี ค.ศ.1500.

 

[กลับไป TOPIC]


 

focused thinking

หน้าแรก - ชุมชน คนคิดดีวรรณกรรม - วิชาการ - บทความ เรื่องสั้น ร้อยกรอง เพลงภาพยนตร์ - บทภาพยนตร์ ภาพยนตร์ตัวอย่าง วิดีโอ มิวสิควิดีโอ
นิเทศศาสตร์ - วิชาเรียน บรรยาย ตำรา เอกสารการเรียน สื่อการเรียน ถาม ตอบ

 


igood media copyright
 SUDIN CHAOHINFA, igoodmedia.net : Administration and Producer
Copyright © 2010-2021 intelligence good media homeschool.
All rights reserved. me@igoodmedia.net