ภาคที่ 1 บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย ตอนที่ 4 อดีตที่เติบโต
ชุมชนบ้านแสงสุข เป็นหมู่บ้านชนบท ที่มีภูมิทัศน์สวยงาม. น้ำตกที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน เป็นต้นน้ำของลำธารสายหลัก ซึ่งไหลผ่านกลางหมู่บ้าน. สวนผักสวนผลไม้ ของชาวบ้านที่นี่ อุดมสมบูรณ์. การซื้อขายแลกเปลี่ยน เป็นไปแบบมิตรภาพ. ผู้คนที่นี่รักสงบ รักสะอาด ถนนหนทาง บ้านเรือน ดูสะอาดตา. อีกฟากหนึ่งของลำธารน้ำ, ห่างออกไปราว 2 กิโลเมตร ก็เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่ง. ชาวบ้านทั้งสองหมู่ ตกลงกัน สร้างโรงเรียน และสถานีอนามัย ไว้ที่ตรงกึ่งกลาง ระหว่างหมู่บ้านทั้งสอง ซึ่งอยู่ติดริมลำธาร.
จันทนีและลูก ช่วยตาเปลวกับยายปิ่น ดูแลสวนผักสวนผลไม้. ใช้ชีวิตมีความสุข แบบคนชนบท หลายปีต่อมา เพื่อให้ลืมอดีตที่เลวร้ายลงไป. จันทนี มองดูลูกน้อย เติบโตอย่างมีความสุข. แต่อดีตที่โหดร้าย ก็คอยกลับมารบกวนความสงบสุขของเธอ ไม่ขาดระยะ. บุคลิกของเธอ เต็มไปด้วยรอยยิ้มปนเศร้า ตลอดเวลา.
บ่อยครั้ง จันทนี แอบมานั่งร้องไห้ ที่ริมลำธารน้ำ ใต้ต้นหว้าใหญ่. รู้สึกเสียใจ ผิดหวัง กับชีวิตที่ผ่านมา.
หลังจากเรียนจบ ชั้นมัธยมในอำเภอ, จันทนี สอบชิงทุนได้ ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย ในเมืองหลวง. แม้จะเป็น จุดเปลี่ยนผันชีวิตครั้งสำคัญ แต่จันทนี ก็ไม่ลืมอดีตที่แท้จริง ของตนเอง. ไม่ลืมความยากลำบาก ของตากับยาย ที่เลี้ยงมา. แต่ความรัก ทำให้เธอต้องตัดสินใจ เลือกทางเดินชีวิต. ซึ่งเมื่อนับมาถึงวันนี้, เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า มันถูกหรือผิด. ถ้าเธอไม่แต่งงานกับ ยศกร, ชีวิตของเธอ อาจไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ก็ได้. ขณะนั้น ยศกร เป็นเพียงข้าราชการหนุ่ม, เลื่อนขึ้นมา เป็นปลัดจังหวัดใหม่ๆ เพราะความหล่อ รูปงาม พวกสาวๆ ต่างพากันหลงเสน่ห์ของเขา. เธอเอง ก็ไม่ต่างจากสาวๆ พวกนั้น, เพียงแต่เธอโชคดีกว่า. เธอเอง ก็ไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะพรหมลิขิต หรือเรือนร่าง ที่ฉุดชีวิตของเธอ จากสาวบ้านป่า ขึ้นมาเป็นภรรยาของปลัดหนุ่ม, เพียงไม่กี่เดือน ก่อนที่เขา จะถูกเลือกเป็น ผู้ว่านครวิชัยยศ. ต่อจากนั้น, เสียงวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับประวัติและที่มา ของภรรยา ผู้ว่านครวิชัยยศ ก็ตามมา. แต่เธอก็สยบข่าวลือต่างๆ ได้ ด้วยความฉลาด และบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ.
ความรู้สึกสูญเสีย เศร้าใจ ของจันทนี ใครเลยจะเข้าใจได้ดี เท่ากับยายปิ่น. นางสังเกตเห็นหลานสาว เศร้าซึมเช่นนั้น จึงเดินเข้าไปปลอบ -
คำพูดของยายปิ่น กระตุ้นความสำนึกกตัญญู ขึ้นมาอีกครั้ง. ความท้อแท้ในชีวิต มลายหายไป, ยิ่งท้อ มันก็เหมือนเห็นแก่ตัว. เมื่อนึกถึงตายกับยาย ก็ช่วยให้มีกำลังใจขึ้นมา, คุณค่าในชีวิตของคน ไม่ใช่ว่าจะได้ ในสิ่งที่ปรารถนาเสมอไป แต่อยู่ที่ ใครจะพอใจ ตอบสนอง ในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ ได้มากกว่า โดยเฉพาะ ต่อผู้มีพระคุณ. เมื่อคิดได้เช่นนี้ จันทนี ก็โผเข้ากอดยายปิ่น และยิ้มออกมาอย่างมีความสุข.
สังข์ ตะโกนเรียก ขณะว่ายน้ำเล่นในลำธาร กับเพื่อนๆ ใช้มือตีน้ำในลำธาร กระจายไป จนกระเด็นไป เกือบถึงยายปิ่น ยายปิ่นผงะเล็กน้อย ส่ายหัว หัวเราะอย่างมีความสุข. จันทนี ก็พลอยยิ้มไปด้วย เสียงหัวเราะ ขับไล่ความเศร้าของเธอออกไป.
สังข์ เป็นเด็กร่าเริง รักและหวงแหนของเล่น ตามประสาเด็ก, แต่มีลักษณะพิเศษ แตกต่างจากเด็กทั่วไป. คือ เป็นเด็กที่ตั้งใจเล่น ตั้งใจทำงาน และ มีสมาธิในการจดจำ สัมผัสได้ดี และมีความกตัญญู รับผิดชอบ มากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน. ลูกชาวบ้านทั่วไป จะถูกส่งไปเรียน ที่โรงเรียน เมื่ออายุได้ 5 6 ขวบ. แต่สังข์ ไม่ยอมไป. แม่พยายามแล้ว บอกแล้ว หลายครั้ง ก็ไม่เป็นผล, วันๆ เอาแต่เล่นกับเด็กคนอื่นๆ ที่ยังไม่ถึงเกณฑ์ไปเรียน. นานวันเข้า สังข์ ก็กลายเป็นเด็กโตที่สุดในกลุ่ม เพื่อนเล่น.
วันหนึ่ง ระหว่าง จันทนี กำลังเตรียมข้าวของ เครื่องใช้อยู่ที่ชานหน้าบ้าน เพื่อออกไปทำงานที่สวน. สังข์ นั่งเล่นคนเดียว อยู่ที่กลางลานบ้าน เธอตะโกน สั่งกำชับลูกก่อนไป.
เมื่อได้ยินคำว่า ไปโรงเรียน สังข์ถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย. หยุดเล่น มองหน้าแม่ วางของเล่น ลุกขึ้นวิ่งไปที่บรรไดบ้าน และรีบขึ้นไปข้างบน หายลับเข้าไปในครัว. จันทนี ตามลูกไป และนั่งกินข้าวพร้อมกัน.
อิ่มแล้ว จันทนี ก็คว้าหาบ คอนสิ่งของเครื่องใช้ ออกไปทำงานที่สวน. เวลาผ่านไปไม่นาน ก็มีพวกเด็กๆ มาตะโกนเรียก ให้ออกไปเล่นด้วย. เขามองไปรอบๆ บ้าน นึกถึงคำเตือนของแม่ ก็สะดุดนิดหนึ่ง และใคร่ครวญพิจารณา. มันอาจถึงเวลา ที่เขาควรจะโตได้แล้ว. สังข์ รู้สึกสงสารแม่ขึ้นมาทันที. ลุกขึ้นไปจับไม้กวาด และผ้าถูบ้าน เก็บกวาดบ้าน จนสะอาด และคอยไล่ไก่ ที่แอบขึ้นมาบนบ้าน. เมื่อรู้สึกเบื่อ ก็หาฝาชีมาครอบกระด้ง ที่ตากไว้ ไม่ให้ไก่และนก มาจิกกิน. แต่เด็กก็คือเด็ก งานเสร็จแล้ว ก็ลืมคำสั่งของแม่เสียสนิท. เมื่อเพื่อนๆ เรียก ก็ลงจากบ้าน ตามไปเล่นด้วย.
พวกเด็กๆ พากันว่ายน้ำเล่น ที่ลำธารตื้นๆ หลายชั่งโมงผ่านไป. ใกล้เวลาที่แม่จะกลับบ้าน สังข์รีบขึ้นจากน้ำ. วิ่งกลับบ้าน ปล่อยให้เพื่อนๆ เล่นตามลำพัง.
ตกเย็น จันทนี ตาเปลว ยายปิ่นกลับมา เห็นลูกสังข์นั่งเล่นของเล่น เหมือนปกติ ก็ไม่รู้สึกอะไร. แต่เมื่อขึ้นไปบนบ้าน เธอรู้สึกผิดสังเกต กับสิ่งของที่อยู่บนบ้าน. ปกติ มันจะวางระเกะระกะ ตอนออกจากบ้านเมื่อเช้า แต่มาเวลานี้ ข้าวของต่างๆ ในบ้านเรือน ถูกจัดเก็บเรียบร้อย, พื้นก็สะอาดขึ้น. ยายปิ่น พูดแกมตลกขึ้นว่า ตาเปลว พูดสวนขึ้น ขณะที่ จันทนี มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นมีคนอื่น จึงเอ่ยถามลูกชาย.
วันต่อมา ก่อนที่จันทนี จะออกไปทำงาน, เธอรู้สึกเป็นห่วงลูก จึงเอ่ยปากชวนลูกชาย ให้ออกไปสวนด้วยกัน เพราะเกรงว่า จะมีคนอื่นแอบขึ้นมาบนบ้าน. แต่สังข์ ก็ยังนั่งเล่นอยู่คนเดียว ตามลำพัง ไม่ยอมไปด้วย. เธอจะขู่บังคับอย่างไร ก็ไร้ผล จนรู้สึกอ่อนใจ ยอมให้ลูก อยู่เฝ้าบ้านเหมือเช่นทุกวัน.
เมื่อถึงเวลาเลิกงานในสวน ทุกคนกลับมาบ้าน. ก็รู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อพบว่า บ้านเรือนดูสะอาดกว่าเก่ามาก ข้าวของถูกจัดระเบียบ เหมือนมีคนมาช่วยทำ. จันทนี เก็บความสงสัยไว้ในใจ.
สองวันถัดมา, จันทนี ทำทีบอกให้ ตากับยาย ออกไปทำงานก่อน แล้วเธอจะตามไปทีหลัง. แต่ก่อนไป ก็บอกกับลูกชายว่า -
จันทนี ทำทีเดินจากรั้วบ้านออกไป. เมื่อพ้นสายตาลูก เธอก็หลีกไปข้างทาง แอบซุ่มดูว่า มีคนร้ายแอบขึ้นบ้านหรือไม่. เวลาผ่านไปไม่นาน เธอก็รู้ความจริงว่า บ้านเรือนสะอาด ข้าวของถูกจัดวาง เป็นระเบียบนั้น เป็นเพราะลูกชายของเธอนั่นเอง. เธอครุ่นคิด รำพึงในใจว่า เพราะของเล่นนี่เอง เป็นต้นเหตุ ให้ลูกสังข์ไม่อยากไปโรงเรียน และไม่ยอมเป็นผู้ใหญ่เสียที ... เธอต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!
จันทนี ไม่รีรอ เดินตรงขึ้นไปบนบ้าน คว้าดุ้นฟืนขนาดเหมาะมือ ฟาด ทุบ ... โครม! ลงไปที่ของเล่น ราวกับว่าเธอโกรธใครมา ท่ามกลาง เสียงร้องห้ามของลูกชาย. จันทนี ทุบของเล่นพังไปหลายชิ้น โดยไม่ทันคิดว่า ของเล่นเหล่านั้น ตายกับยาย อุตส่าห์ตั้งใจ ทำให้เหลนเล่น ล้วนแต่เป็นของดีๆ ทั้งนั้น. เมื่อได้สติ เธอก็ร้องไห้เสียใจ ทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ลูกชาย ที่กำลังคลานไปหยิบฉวย คว้าเอาชิ้นส่วนของของเล่น ที่แหลกละเอียด มากอดไว้ในอก. จันทนี โอบกอดลูกไว้แน่น แต่สังข์ฮึดฮัด ด้วยความโกรธ อยู่ครู่หนึ่ง ร้องไห้คร่ำครวญ เสียดายของเล่น.
จันทนี เกรงว่าลูกจะเสียใจไปมากกว่านี้, จึงโอบกอดลูกไว้แน่น และปลอบโยนลูก
แต่สังข์ ก็ยังไม่หยุดร้อง จันทนี จึงพูดปลอบ ด้วยเหตุผลอื่น.
วันรุ่งขึ้น, จันทนี แต่งตัวให้สังข์ ด้วยเสื้อผ้าใหม่ และพาลูกชาย ไปโรงเรียนแต่เช้า. วันแรกที่ไปโรงเรียน, สังข์ รู้สึกตื่นกลัวเล็กน้อย. แต่เมื่อมองไปที่ สนามเด็กเล่น ซึ่งโรงเรียน จัดหาซื้อของเล่นใหม่ๆ หลายชิ้น เพื่อล่อตาล่อใจ ให้เด็กอยากมาโรงเรียน ในวันรับเด็กเข้าใหม่. จันทนีบอกลูก และชี้ไปที่ เครื่องเล่นม้าหมุน. สังข์ ลืมความวิตกเมื่อสักครู่ ไปสนิท เมื่อเห็นของเล่นใหม่. เขาวิ่งขึ้นไปนั่งคร่อม บนม้าหมุน พร้อมกับเด็กคนอื่นๆ. มีเด็กตัวโตกว่า ใช้มือผลัก ให้ม้าเคลื่อนหมุนไปโดยแรง. คราวนี้ เด็กสังข์ ไม่รู้สึกกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว.
รุ่งขึ้นอีกวัน, สังข์ เดินทางไปโรงเรียนเอง พร้อมกับเด็กคนอื่นๆ และก็กลับเองได้. เพราะบ้านอยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนมากนัก. สังข์ เป็นเด็กดี มีสัมมาคารวะ รู้จักทักทายคน สองข้างทางที่เดินผ่าน มักจะมีผู้คนทักทายด้วยเสมอ.
เย็นวันหนึ่ง, จันทนี เลิกงานก่อนเวลา ยังไม่แวะบ้าน แต่ไปรับลูกที่โรงเรียนก่อน. เมื่อไปถึง เป็นเวลาโรงเรียนเลิกพอดี เธอจึงนั่งรอรับลูก. ที่เก้าอี้ม้าหิน ใต้ร่มจามจุรีใหญ่ ครูเพ็ญ สังเกตเห็น จึงเดินมาทักทาย และร่วมสนทนาด้วย.
ครูเพ็ญ หันไปมอง เด็กหญิงสองคน ที่กำลังนั่งเล่นกับ เด็กสังข์, คนหนึ่ง ตัวดำมอมแมม อีกคน ตัวเล็กๆ บอบบาง ผิวขาว ครูเพ็ญเล่าให้ จันทนี ฟังว่า -
ในระหว่างเล่นกับเพื่อน สังข์ มองเห็นแม่มารับ จึงบอกเลิกเล่นกับเพื่อนๆ เดินเข้าห้องเรียน ไปหยิบกระเป๋าหนังสือ แล้วเดินมาหาแม่.
จันทนี จูงลูกไปด้วย ขณะเดียวกัน ก็อดไม่ได้ ที่จะหันกลับไป ชำเรืองดู เด็กเอื้อย กับเด็กโสนน้อย อีกครั้ง. โลกนี้ ยังมีคนที่ลำบากอีกมาก ที่ควรได้รับความช่วยเหลือ. ส่วนเธอเอง นับว่าโชคดีกว่า แม้ว่า ยศกร จะไม่เชื่อและไม่ยอมรับว่า สังข์ คือลูกแท้ๆ ไม่ใช่ลูกชู้ อย่างที่ เมธาวรรณ ใส่ความ. เมื่อคิดได้ดังนี้ จันทนี รู้สึกมั่นใจ และมีกำลังใจ ที่จะอยู่สู้ชีวิต เพื่อเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด.
จันทนี พาลูกกลับบ้าน ผู้ปกครองคนอื่นๆ ก็ทยอยกลับกันไปเกือบหมด เพื่อนครูอีกคน ก็เดินมาพูดกับ ครูเพ็ญ.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|