หน้าแรก - ชุมชน คนคิดดีวรรณกรรม - วิชาการ - บทความ เรื่องสั้น ร้อยกรอง เพลงภาพยนตร์ - บทภาพยนตร์ ภาพยนตร์ตัวอย่าง วิดีโอ มิวสิควิดีโอ
นิเทศศาสตร์ - วิชาเรียน บรรยาย ตำรา เอกสารการเรียน สื่อการเรียน ถาม ตอบ

 

ภาคที่ 1
ตามหารัก อุปสรรคไม่ท้อ

บทที่ 9   พบเพื่อนใหม่

ตอนที่ 27

ความลับ

ตอนที่แล้ว ... ตอนที่ 26/105

 

เช้าวันรุ่งขึ้น สินสมุทร สุดสาคร มาตะโกนเรียกแต่เช้า. เด็กทั้งสาม รู้สึกตัวพากันลุกขึ้น. เมื่อคืนพวกเขาหลับสนิท และหลับยาวนานกว่าทุกคืนที่ผ่านมา. ตอนตื่น ก็มองไม่เห็นเฒ่าทะเลแล้ว ไม่รู้ว่าเขาออกไปไหน และออกไปตั้งแต่เมื่อไร. สังข์ เอื้อย โสนน้อย คว้าสิ่งของจำเป็นติดตัว เว้นแต่กระเป๋าเสื้อผ้า ออกไปที่สะพาน เห็น สินสมุทร กับ สุดสาคร รออยู่บนชายฝั่ง. เด็กทั้งสาม จึงพากันเดินข้ามสะพานไป.

 

“เราพร้อมจะไปกันรึยัง ?”

 

สินสมุทร ถามนำ โดยไม่ต้องรอคำตอบ. ทุกคนพร้อมเสมอ รู้กันดีอยู่แล้วว่า จุดหมายที่นัดกันไว้ สินสมุทร จะเป็นคนพาเพื่อนใหม่ ไปด้วยตัวเอง, แ่น่นอนว่า มันเป็นความลับของพวกเขา.

 

นี่อาจเป็นบทนำ ของการเริ่มต้น การผจญภัยทางทะเล ของเด็กทั้ง 5 คนก็เป็นได้. สินสมุทร กับ สุดสาคร พาเพื่อนใหม่ลงเรือ ข้ามไปยังเกาะร้างแห่งหนึ่ง ที่อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน, แต่มันอยู่ไม่ห่างจากชายฝั่งมากนัก. เรือขนาดเล็ก ก็สามารถพาเด็ก 5 คนไปถึงอยู่แล้ว.

อันที่จริง ก็ไม่ใช่เกาะร้างเสียทีเดียวนัก แต่เป็นสถานที่ ที่ไม่ค่อยมีคนสนใจต่างหาก. เพราะว่า ตรงที่เด็กๆ พากันไป มันเป็นแหล่งอับทรัพยากร ปลาก็ไม่มีให้จับ ไม่มีแร่ธาตุ มีแต่โขดหิน และน้ำทะเล.

 

พอถึงด้านหน้าของเกาะ สินสมุทร พาเรือค่อยๆ แล่นเข้าไป ในซอกหลืบแคบๆ ของถ้ำ, มันช่างพอเหมาะพอดีกับเรือ เหมือนท่าเทียบเรือขนาดจิ๋ว. ข้างบน มีช่องโหว่ เป็นทางยาว เปิดให้แสงสว่าง ส่องผ่านลอดเข้ามาได้. พอเรือเทียบท่า ทุกคนลงจากเรือ มายืนรออยู่บนก้อนหิน ข้างกาบเรือ. เรือก็เบาขึ้น คลื่นซัดเรือส่ายไปมา. สินสมุทร เอาเชือกเส้นใหญ่ ที่ทำเป็นบ่วงอยู่แล้ว คล้องไว้กับแง่งของโขดหินก้อนหนึ่ง. สุดสาคร เป็นคนนำทาง พาเพื่อนๆ เดินเป็นแถวเรียงหนึ่ง, เอื้อย โสนน้อย สังข์ และปิดท้ายด้วย สินสมุทร พากันลัดเลาะเข้าไปในซอกผนังหิน.

 

ทุกคน ต้องเอามือเกาะผนังหินด้านหนึ่งไว้ เหมือนไต่ริมหน้าผา, แต่ต่างกันตรงที่ ข้างล่างเป็นน้ำ แค่เอามือหย่อนลงไป ก็ถึงน้ำทะเลแล้ว. ส่วนข้างบน มีลำแสงส่องผ่าน ลอดช่องโหว่เข้ามา ตลอดทางเดิน. เส้นทางดูวกเวียน ซิกแซกเหมือนตัว Z สองตัวซ้อนกัน, มีบางช่วง ทางเดินต่ำกว่าระดับผิวน้ำ ถึงหน้าแข้ง. เสียงน้ำทะเลซัดโขดหินตรงทางเดิน เป็นจังหวะ. พวกเด็กๆ เดินมาถึงสุดทาง เป็นพากันไปปยืนออรวมกัน บนลานหินในอุโมงค์. สุดสาคร หยุดอยู่ตรงนั้น ครู่หนึ่ง เอี้ยวตัวไปมองเพื่อนๆ

 

“ทางตันเหรอ?” เอื้อย ถาม.

“มองให้ดีดี เห็นอะไรไหม๊?” สินสมุทร บอก เหมือนเป็นไกด์ กำลังพานักท่องเที่ยวดูชม สิ่งมหัศจรรย์

โสนน้อย ชะโงกหน้า มองซ้าย ขวา ก็ไม่เห็นมีอะไร “มีแต่ผนังถ้ำ ไปต่อไม่ได้”

“ถ้างั้น ดูอะไรนี่!”

 

สุดสาคร ซึ่งอยู่หน้าสุดของกลุ่ม เอามือขวายื่นเข้าไปในผนังหิน. อะไรกันนี่! มันน่าอัศจรรย์. มือของเขาหายเข้าไปในผนังถ้ำได้อย่างไร, จากนั้น ก็ขยับตัวหายเข้าไปในนั้น. เอื้อย เริ่มเข้าใจบางอย่างแล้ว ยิ้มและขยิบตาให้ โสนน้อย แล้วขยับเท้า ก้าวตามสุดสาคร หายเข้าไปในผนังหินนั่น.

 

“มีทางเดินจริงๆ ด้วย” เอื้อย พูดกับ สุดสาคร หลังผ่านทะลุม่านมายาผนังถ้ำ เข้าไปได้แล้ว.

“มันเป็นภาพลวงตาน่ะ” สินสมุทร บอกกับเพื่อนๆ.

 

คงไม่ต้องรอคำอธิบายอะไร ให้เสียเวลา, โสนน้อย หายตื่นเต้นทันที เข้าใจแล้วว่า ที่นี่ก็มีความลี้ลับ เหมือนในป่ามรณะ ซึ่งเคยเจอกันมาแล้ว. สังข์ ก็ยอมรับโดยดีว่า นี่มันเป็นภาพลวงตาจริงๆ, ถ้าไม่สังเกตให้ดี ก็จะมองไม่เห็น. เพียงแต่ มันต่างจากผนังหิน ที่เกิดจากอำนาจเวทย์มนต์ ตอนที่เดินในป่าปีศาจ. ที่นั่น เหมือนมีพลังบางอย่าง ดูดให้หายเข้าไปในผนังหิน. แต่ที่นี่ไม่ใช่ ไม่มีเวทย์มนต์ ไม่อำนาจใดดลบันดาล มันก็แค่เป็นสิ่งที่คนมองไม่เห็น เท่านั้นเอง, มิน่าเล่า สองพี่น้องจึงเลือกที่นี่เป็นที่ซ่อน มันลับสุดยอดจริงๆ.

 

เมื่อเข้าไปถึงข้างใน, เป็นอุโมงถ้ำ มีค้างคาวสองสามตัว บินลอดออกไป ทางช่องแสงเล็กๆ ที่อยู่บนเพดานถ้ำ, มันคงตกใจ ที่มีคนมา. เอื้อย โสนน้อย และ สังข์ อยู่ในนั้นสักพักใหญ่ จนสายตาเคยชินกับความมืดได้แล้ว มองดูรอบๆ ปรากฏว่า ในโพลงถ้ำนี่ ไ่ม่เล็กเลย อาจจะบรรจุคนได้สัก 50 คน. มีช่องแสงเล็กๆ ลอดมาจากข้างบน เหมือนมีใครเอาหลอดไฟฉาย ไปแขวนไว้บนเพดานถ้ำ ทำให้ข้างใน ไม่มืดจนเกินไป. และ ถ้าสังเกตให้ดี อีกด้านหนึ่งของโถงถ้ำ จะมีแอ่งน้ำเล็กๆ ซ่อนอยู่.

 

“พวกเธอมาที่นี่บ่อยรึเปล่า?” สังข์ เอ่ยปากถาม สินสมุทร.

“ไม่ นึกอยากมาก็มา”

“เรามากินอะไรกันก่อนดีกว่า”

 

สินสมุทร เอ่ยปากชวน หาที่เหมาะๆ นั่งลง. ทุกคนนั่งล้อมลง พร้อมหน้ากันแล้ว ก็หยิบเอาห่อข้าว และกระบอกน้ำจืด ในถุงผ้าที่นำมาจากบ้าน แบ่งกันกิน. มันมากพอ สำหรับห้าคน. กับข้าวที่เป็นอาหารทะเล ทำกันเองระหว่างสองพี่น้อง, รสชาติอาหาร ก็ตามประสาเด็ก อร่อยหรือไม่อร่อย เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่รสชาติของความสุข นี่สิ คือเรื่องใหญ่. พวกเขามีความสุขและสนุก อย่างที่ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน.

 

เมื่ออิ่มกันดีแล้ว, สุดสาคร เริ่มก่อน.

“อยากไปดูอะไรกันไหม๊ ?”

นี่คือ เป็นการยั่วยวน ชวนให้เพื่อนที่มาใหม่ เกิดความสงสัย และนึกอยากเล่นสนุกด้วย. เขาลุกขึ้น เดินไปที่แอ่งน้ำ แล้วแสดงท่า ส่ายลำตัวไปมา เหมือนปลากำลังว่ายน้ำ แล้วกระโดด ป๋อม! ลงไปในแอ่งน้ำ มุดหายไปครู่ใหญ่ แล้วก็โผล่ขึ้นมาใหม่ ยั่วยวนเพื่อนๆ ต่อ.

 

“อยากไปก็ตามมา”

“ไปเถอะ เราจะรออยู่ที่นี่” สินสมุทร ยังนั่งอยู่ที่เดิม ตะโกนบอกโสนน้อย.

 

เอื้อย กับ สังข์ นึกสนุกตาม ไม่รีรอ วางของที่ไม่จำเป็นไว้กับพื้น แล้วกระโดดมุดน้ำตามลงไปก่อน. ส่วนโสนน้อย ยังลังเล ไม่แน่ใจ ไม่อยากตามไปตอนนี้ จนกระทั่ง เอื้อย โผล่หน้าขึ้นมาจากผิวน้ำ.

 

“ไม่ตามลงมาเหรอ โสนน้อย มาดูอะไรนี่”

 

เอื้อย มุดน้ำหายไปอีก, คราวนี้ โสนน้อย เริ่มจะสนุกด้วยแล้ว. ไม่ลังเล กระโดดน้ำตามลงไป.

ตอนแรกๆ ที่ไม่กล้า เพราะยังไม่ชินกับน้ำทะเล แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า ในน้ำทะเลนี่ก็ไม่น่ากลัวสักเท่าไร. เธอเพิ่งรู้ตอนนี้ว่า แอ่งน้ำ ก็คือปากโพลงน้ำ ที่จะพาไปโผล่ที่ไหนสักแห่ง. เอื้อย สังข์ โสนน้อย ว่ายตามสุดสาครไป. สังข์ รู้สึกทันทีว่า สุดสาคร แม้จะตัวเล็ก แต่เรื่องว่ายน้ำนี่ เร็วไม่แพ้ปลาเลย. ดูเหมือนว่า สุดสาคร ก็รู้ข้อได้เปรียบของตัวเอง และ รู้ข้อจำกัดของเพื่อนหน้าใหม่ จึงลดความเร็วลง และว่ายกลับมารับ พาไปต่อข้างหน้า จนถึงทางตัน.

 

“เราต้องมุดน้ำ ลอดอุโมงข้างล่างนี่ ไปอีกฝั่งหนึ่ง พวกเธอไหวไหม๊?” สุดสาคร ถามก่อน ให้แน่ใจ.

สังข์ สังเกตว่า โสนน้อย เหนื่อยกว่าเพื่อน “เธอน่ะ ไหวไหม๊ เราสองคน จะอยู่หลังเธอเอง มุดตามสาครไป” สัง

“มาจนถึงนี่แล้ว ไม่ไหว ก็ต้องไหว”

 

โสนน้อย ไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง และทำลายความสนุกในช่วงนี้ จึงยอมทนฝ่าความกลัวไปให้ได้. อันที่จริง ข้างล่างนี้ ไม่มืดเสียทีเดียว เธอดำว่ายตามสาครไป แค่อึดใจเดียว ก็ไปโผล่ที่ผิวน้ำอีกที่หนึ่ง พร้อมกับ สังข์ และ เอื้อย. เด็กทั้งสี่คน พากันว่ายไปที่ชะง่อนหินแห่งหนึ่ง แล้วพากันขึ้นไปนั่งพักกันบนนั้น. ที่นี่ เป็นอุโมงค์เหนือน้ำ ขนาดใหญ่ยักษ์มหึมา มีทางเข้าออกทะเล อยู่ข้างหน้า.

 

“ทางนั้น ออกทะเลใหญ่ได้สบายๆ” สุดสาคร ชี้ไปที่ปากอุโมงค์.

“ตรงนี้ มีคนมาบ่อยไหม๊?” สังข์ ถาม.

“ใครเขาจะมา ก็มีพวกเรานี่แหละ มันไม่มีอะไรน่าสนใจสักหน่อย ก็แค่โพลงถ้ำ ปลาก็ไม่มี ที่อื่น มีปลาให้จับ เขาก็ไปที่อื่นดีกว่า” สุดสาคร อธิบายสรุปง่ายๆ.

 

เกือบหนึ่งวันเต็มๆ พวกเด็กๆ เรียนรู้ประสบการณ์พื้นฐาน ด้านนิเวศน์ทางทะเล ไปพร้อมกันกับ ตักตวงความสุข จนเป็นที่พอใจแล้ว ก็กลับออกมาจากที่นั่น.

 

ยังพอมีเวลาเหลือ สองพี่น้อง จึงถือโอกาสชวนเพื่อนใหม่ ไปที่ี่บ้าน. ถือเป็นการแนะนำ ให้รู้จักหมู่บ้านชาวเล ให้มากขึ้น ว่าวิถีชีวิตของคนที่นี่ อยู่กินกันอย่างไร และมีใครบ้าง ที่ควรจะแนะนำให้เพื่อนผู้มาใหม่ รู้จักไว้ เพราะคงจะอยู่ที่นี่อีกนาน หรือถ้าไม่อยากไปตามหาพ่อกับแม่ อาจจะอยู่ที่นี่เลยก็เป็นได้.

 

ชาวบ้านที่นี่ ทุกบ้านปลูกบ้านให้มีใต้ถุน เพื่อให้พ้นจากน้ำทะเลตอนขึ้นสูง. บางหลังก็เป็นเสาไม้ บางหลังก็เป็นเสาปูน ที่โคนเสาบ้าน มีคราบหอยเกาะเต็มไปหมด. สังข์ เอื้อย และโสนน้อย เริ่มคุ้นเคยกับวิถีชีวิตชาวเลบ้างแล้ว.

 

สินสมุทร กับ สุดสาคร อาศัยอยู่กับป้า ในบ้านหลังใหญ่ ซึ่งมีฐานะ ดีกว่าชาวบ้านทั่วไป. บนหาดทราย ข้างบ้าน, มีเรือสำเภาทะเลเก่า อยู่ลำหนึ่ง ขนาดยาวประมาณ 15 เมตร รูปทรงเพรียวดูสวยงาม ท้ายเรือสูงกว่าหัวเรือเล็กน้อย ส่วนหน้าแหลมเรียวกว่าส่วนหลัง. มันถูกยกวางไว้ บนแท่นไม้แข็งแรงอย่างดี. เสากระโดงเรือ 3 อัน ที่เปล่าเปลือย ถูกนำไปวางพาดอยู่ในเรือ คงเพราะกลัวเกะกะหลังคา ที่มุงกันแดดกันฝนไว้. อีกด้านหนึ่งของบ้าน เป็นลานปูนซีเมนต์ เชื่อมต่อยาวไปยังสะพานปลา มองเห็นคนงานผู้ชาย 4 - 5 คน กำลังรื้อเก็บอวน อย่างเร่งรีบ.

 

“หายหัวไปไหนมาทั้งวัน ห๊า?”

 

หญิงชาวเลผู้หนึ่ง รูปร่างค่อนข้างท้วม โผล่หน้าออกมาจากประตูบ้าน มือซ้ายถือถังพลาสติก มือขวาถือมีดปังตอ

“งานการก็ไม่ทำ วันนี้ไม่ต้องกินข้าวมันแล้ว … อ้าว! นั่นไปพาใครมาอีกล่ะ”

 

ป้าของสินสมุทร ไม่รอที่จะให้เด็กกล่าวทักทาย, โผล่หน้ามาแล้ว รีบผลุบหายเข้าไปในบ้าน พร้อมเสียงบ่นด่าซ้ำๆ คำเดิมๆ ว่าเป็นเด็กเหลวไหล เอาแต่เที่ยวเตร่ การงานไม่ทำ. เอื้อยกับโสนน้อย เคยผ่านเสียงบ่นด่ามามาก ก็ไม่รู้สึกอะไร แต่ สังข์ กลับรู้สึกเกรงใจ และ็สงสารสองพี่น้อง ที่ต้องมาถูกด่าแบบนี้. สินสมุทร พาเพื่อนๆ ลอดไปที่ใต้ท้องเรือสำเภา เข้าไปนั่งที่ท่อนไม้ท่อนหนึ่ง เพื่อให้ไกลเสียงด่าของป้า แต่เสียงนั่น ก็ยังดังมากระทบหูอีกเหมือนเดิม.

 

“ลำพังไอ้เรือบ้านั่น ก็เกะกะบ้านจะแย่อยู่แล้ว ยังจะพาคนอื่นมาเกะกะบ้านอีก”

“ชั่งเถอะ อย่าไปสนใจเลย” สินสมุทร บอกเพื่อนๆ ให้สบายใจ แล้วหักเหเรื่องทันที “นี่เรือสำเภาของพ่อ ที่ปู่ยกให้”

“มันยังใช้การได้อยู่ไหม๊?” สังข์ ถามขึ้น เหมือนมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง อยู่ในใจ.

“ซ่อมแล้ว ก็น่าจะใช้ได้”

 

สังข์ ขอเดินดูรอบๆ และคิดอะไรบางอย่าง กับเรือลำนี้. รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง มาดลใจให้คิดเกินเลย มากไปกว่าการเป็นเด็ก.

 

ก่อนตะวันตกดิน พวกเด็กๆ พากันกลับไปที่ เกาะของเฒ่าทะเลอีกครั้ง. และเฒ่าทะเล ก็ไม่คิดว่าเด็กๆ จะหนีไปเที่ยวเล่นที่ไหนไกลๆ หรือไปจากที่ที่เขาอยู่ เพราะสิ่งของเครื่องใช้ของพวกเขา ก็ยังอยู่ในบ้าน. ตอนไปถึง เห็นเขา นั่งรออยู่ที่หน้าต่าง, แสดงอาการเป็นห่วงพวกเด็กๆ แบบที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน. ข้าวปลาอาหาร ถูกจัดเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้า ที่เด็กๆ จะมาถึง มันมากพอสำหรับเด็ก 5 คน.

 

“พวกเธอไปไหนกันมาล่ะนี่?” เฒ่าทะเล ถาม

“บอกไม่ได้ มันเป็นความลับ” โสนน้อย ตอบแบบซื่อๆ, แต่เฒ่าทะเล กลับกึ่งสงสัย กึ่งขำในใจ ในความซื่อ และน่ารักของคนตอบ.

“คงจะหิวแย่ ความหิว คงไม่ใช่ความลับหรอกนะ ถ้างั้น ก็มากินข้าวกันให้อิ่มก่อน”

 

ค่ำนี้ นับว่าเป็นอาหารมื้อที่อร่อยที่สุด อีกมื้อหนึ่ง ของผู้เฒ่ากับเด็ก 5 คน. หลังจากพวกเด็กๆ อิ่มกันแล้ว, เอื้อย โสนน้อย และสังข์ ช่วยกันเก็บ จานข้าว ล้าง ถูพื้น จัดข้าวของให้เรียบร้อยสะอาดตา. ความสามัคคี ความรับผิดชอบ ก่อให้เกิดความงดงาม, สังข์ฺ เอื้อย โสนน้อย ผ่านอุปสรรคมามากมาย หากพวกเขาละทิ้งความสามัคคี ไม่มีความรับผิดชอบ ชีวิตของพวกเขา ก็คงจะไม่เหลือรอดมาถึงวันนี้. สิ่งเหล่านี้ ได้สร้างอุปนิสัยติดตัว จนรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ความยากลำบากอะไร.

งานนี้ เท่ากับเป็นการสอนงานบ้านให้แก่ เจ้าถิ่นไปในเวลาเดียวกัน, สินสมุทร กับ สุดสาคร ได้เรียนรู้และฝึกทำไปพร้อมๆ กัน ทั้งๆ ที่ ก็มีงานแบบนี้ ให้ทำทุกวัน แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำ เลยถูกป้าดุด่า ว่าเป็นเด็กไม่เรียบร้อย. นี่คงจะเป็นองนิสงส์ ของการได้เพื่อนที่ดี ย่อมพาเพื่อนไปทางดี. เฒ่าทะเล สังเกตพวกเด็กๆ แล้ว รู้สึกชื่นชม และพอใจ ที่เห็นเด็กๆ ช่วยเหลือกัน และเชื่อฟังกันเป็นอย่างดี.

 

“เอาละนะ อิ่มกันแล้ว ... ตาก็มีความลับเหมือนกัน”

 

เฒ่าทะเลบอก พร้อมกับยื่นมือ ไปดึงหีบไม้ออกมาจากใต้เตียง แล้วเปิดฝาออก หยิบเอาของสิ่งหนึ่ง ขึ้นมาให้พวกเด็กๆ ดู. สิ่งนั้น ทำด้วยโลหะท่อกลม สีน้ำตาลรมดำ ขนาดนิ้วหัวแม่มือ รูปทรงเรียวโค้งครึ่งวงกลม จากต้นไปหาปลาย ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าครึ่งหนึ่ง. มันน่าจะเป็นเครื่องดนตรีโบราณ ที่เด็กๆ ไม่รู้จัก.

เฒ่าทะเล จับข้องอครึ่งวงกลมไว้ในมือขวา ส่วนปลายของรูปทรงเรียวโค้ง มีปุ่มกดสี่ปุ่ม ตรงกับปลายนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อย ได้กระชับพอดี.

 

“เค้าเรียกอะไรน่ะ ตา?” โสนน้อย สงสัย.

“บอกไม่ได้ มันเป็นความลับ” เฒ่าทะเล ก็ตอบแบบซื่อๆ เหมือนกัน.

 

เฒ่าทะเล พาเด็กทั้ง 5 คน ลงเรือที่จอดไว้ข้างเกาะหลังบ้าน พร้อมด้วยตะเกียงเจ้าพายุ 2 ดวง แขวนไว้ที่กลางลำเรือดวงหนึ่ง และัที่หัวเรืออีกดวงหนึ่ง. เขาสตาร์ทเครื่องยนต์ พาเรือออกไป ให้ห่างจากเกาะ. ในเวลาพลบค่ำแบบนี้ มันชั่งเหมาะกับการแสดงผลงานเสียจริงๆ.

 

เมื่อห่างไกลจากเกาะพอสมควร, เฒ่าทะเล ก็หยุดเรือ ดับเครื่องยนต์ นำเอาวัตถุที่เป็นเครื่องดนตรีโบราณ ออกมาถืออยู่ในมือ. เด็กๆ รู้สึุกตื่นเต้น ยังไม่เข้าใจว่า ตาเฒ่าประหลาดนี่ จะสร้างปาฏิหาริย์อะไร. โสนน้อย กำลังจะเอ่ยถาม, แต่เขายกปลายนิ้วชี้ ไปที่ริมฝีปาก ทำสัญลักษณ์ห้ามส่งเสียงดัง. เด็กทุกคนพยักหน้า แสดงความเข้าใจ จากนั้น เขาจับเครื่องดนตรีนั่นชูแหงนขึ้น แนบปลายเรียวโค้งด้านที่เล็กกว่า แนบที่ริมฝีปาก แล้วเป่าด้วยลมจากปอด ช้าๆ. เสียงที่เปล่งออกมา มีความไพเราะชวนเคลิบเคลิ้ม ในจินตนาการ. เด็กทั้งห้าคน ยังคงสงบนิ่ง ฟังเสียงนั้น นานประมาณ 3 นาที.

 

โสนน้อย สังเกตที่พื้นน้ำ รู้สึกตื่นเต้นกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น. พื้นน้ำที่ดูสงบนิ่ง ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนมีสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ใต้นั้น. พวกเด็กๆ ต่างตื่นเต้น ตาค้าง จนพูดไม่ออก เมื่อมีปลาหลากหลายชนิด ขนาดไม่ใหญ่นัก มันแหวกว่ายมาใกล้ๆ เรือ, แล้วก็ดีดตัวเองจากผิวน้ำ กระโดดขึ้นมาบนเรือ คราวละสองตัวบ้าง ห้าตัวบ้าง ไม่ขาดระยะ. พวกเด็กๆ พากันดีใจ ตื่นเต้นหนักขึ้น แต่ก็ไม่มีใครส่งเสียง เพราะเกรงว่า ปรากฏการณ์มหัศจรรย์ ที่อยู่ตรงหน้าจะสลายไป.

 

แต่ว่า สินสมุทร ทนตื่นเต้นไม่ไหว หัวเราะชอบใจออกมาดังๆ ... ทันใดนั้น! พวกฝูงปลาที่เหลือในน้ำ ก็ว่ายเตลิดหนีไป พร้อมกับเสียงดนตรีก็หยุดไปด้วย.

 

“เสียงหัวเราะของเธอ มันตกใจหนีไปหมดแล้วละ” เฒ่าทะเลว่า “ดูซิ ได้พอรึยัง?”

“เสียงดนตรี เรียกปลาได้” สินสมุทร พูดกับตัวเอง ขณะจับปลาตัวเป็นๆ ไว้ในมือ “อู๊! เป็นไปได้ไงเนี่ยะ!” เฒ่าทะเล ยิ้มเมื่อเห็นพวกเด็กๆ ตื่นเต้นกันใหญ่.

“ไม่น่าล่ะ ชาวบ้านเขาพูดกันว่า เฒ่าทะเล มีมนต์เรียกเนื้อเรียกปลาได้” สินสมุทร พูดต่อ “ที่แท้ก็แบบนี้ นี่เอง”

“นี่แหละ คือความลับของฉัน” เฒ่าทะเล เปิดเผยความจริงที่ถูกปกปิดมานาน แต่ก็มีข้อต่อรองตามมา “แล้วความลับของพวกเธอล่ะ ฉันจะรู้ได้บ้างไหม๊?”

 

หลังจากผ่านประสบการณ์ตื่นเต้น เหมือนจะหยุดโลกทั้งใบไว้, เฒ่าทะเล ก็พาเด็กๆ กลับไปที่เกาะ. สินสมุทร สุดสาคร ได้ปลาติดมือกลับไปบ้าน มากพอสำหรับอาหารเช้าของวันถัดไป. สองพี่น้อง พากันเดินฝ่าแสงไฟริบหรี่ในยามค่ำ. พอกลับถึงบ้าน มันเป็นเช่นนี้เหมือนเมื่อวาน, พวกเขาถูกด่าอีกตามเคย แต่คราวนี้ หนักกว่าทุกวัน เพราะมันพาดพิงถึง พ่อกับแม่ของพวกเขาด้วย.

สองพี่น้อง รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เหมือนถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ให้อยู่กับป้าปากร้าย. แต่จะไปโกรธป้าก็ไม่ถูกนัก อย่างน้อยก็มีบุญคุณ ชุบเลี้ยงพวกเขามา จนกระทั่งโต. สินสมุทร สุดสาคร จึงพากันไปแอบนั่งร้องไห้ปรับทุกข์ ที่บนเรือสำเภาของพ่อ.

 

เช้าวันรุ่งขึ้น เด็กทั้ง 5 คน พาเฒ่าทะเล ไปยังสถานที่ซ่อนของพวกเขา. เมื่อความลับถูกเปิดเผยเช่นนี้ แล้ว ต่างฝ่ายก็ให้สัญญากันว่า จะปกปิดความลับของกันและกันไว้. พวกเด็กๆ ไว้ใจเฒ่าทะเล ได้มากกว่า ที่จะไม่ไปบอกใคร เพราะปกติ วันวันก็ไม่มีคนมายุ่งเกี่ยวด้วยอยู่แล้ว ส่วนเฒ่าทะเล รู้สึกว่า ในโลกนี้ คงไม่มีมนุษย์กลุ่มไหน ที่น่าไว้ใจ เท่ากับเด็กๆ พวกนี้อีกแล้ว.

 

อ่านต่อ ... ตอนที่ 28/105

 

สารบัญ / ตอนที่

ปฐมบท -

แสงแรกของเรื่องราว


ภาคที่ 1: ตามหารัก อุปสรรคไม่ท้อ


บทที่ 1   ต้นเหตุของเรื่องราว

(1) ละครชีวิตแห่งนครวิชัยยศ (ตอนที่ 1/105)
(2) รัก ริษยา อาฆาต อำนาจมัวเมา (ตอนที่ 2/105)
(3) อำลาที่ขมขื่น (ตอนที่ 3/105)

บทที่ 2   สังข์ เอื้อย โสนน้อย

(1) อดีตที่เติบโต (ตอนที่ 4/105)
(2) เพื่อนใหม่ผู้น่าสงสาร (ตอนที่ 5/105)
(3) จินตนาการ นิทาน ความฝัน (ตอนที่ 6/105)

บทที่ 3   วันสังหาร

(1) ชีวิตที่โหยหา (ตอนที่ 7/105)
(2) พินัยกรรมริษยา (ตอนที่ 8/105)
(3) คำสั่งลับ (ตอนที่ 9/105)

บทที่ 4   ชีวิตใหม่กลางภูผา

(1) ภาระใหม่ของนาเคนทร์ (ตอนที่ 10/105)
(2) ความลี้ลับของป่า (ตอนที่ 11/105)
(3) บทเรียนชีวิต (ตอนที่ 12/105)
(4) เวทกล มนตร์สู้ปีศาจ (ตอนที่ 13/105)
(5) ส่งเด็กกลับบ้าน (ตอนที่ 14/105)

บทที่ 5   ภูติร้ายในป่ามรณะ

(1) ประตูมายาแห่งป่า (ตอนที่ 15/105)
(2) ภาพลวงตา (ตอนที่ 16/105)
(3) กลลวงปีศาจ (ตอนที่ 17/105)
(4) หุบผาหมอก (ตอนที่ 18/105)

บทที่ 6   ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ

(1) การมาเยือน ของมนุษย์นอกจักรวาล (ตอนที่ 19/105)
(2) ประตูเวลา ของพวกเอเลี่ยน (ตอนที่ 20/105)

บทที่ 7   หนอนทะเลทราย

(1) สู่ทะเลทราย (ตอนที่ 21/105)
(2) หนอนยักษ์ มฤตยูใต้ดิน (ตอนที่ 22/105)

บทที่ 8   หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล

(1) หมู่บ้านไร้เวลา (ตอนที่ 23/105)
(2) จุดจบของพวกเอเลี่ยน (ตอนที่ 24/105)

บทที่ 9   พบเพื่อนใหม่

(1) สองพี่น้องชาวเล (ตอนที่ 25/105)
(2) ปริศนาเฒ่าทะเล (ตอนที่ 26/105)
(3) ความลับ (ตอนที่ 27/105)
(4) แผนเดินทาง (ตอนที่ 28/105)
(5) บทเรียนบนเรือรบ (ตอนที่ 29/105)

บทที่ 10    ผจญภัยกลางมหาสมุทร

(1) เขตย้อนเวลา (ตอนที่ 30/105)
(2) บนเรือโจรสลัด (ตอนที่ 31/105)
(3) ผีเสื้อสมุทร และหมึกยักษ์ (ตอนที่ 32/105)
(4) เกาะร้าง (ตอนที่ 33/105)
(5) นิมิตแห่งตำนานสายฟ้าอสูร (ตอนที่ 34/105)

บทที่ 11   ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง

(1) อาวุธมีเจ้าของ (ตอนที่ 35/105)
(2) ปาฏิหาริย์ลิงเผือก (ตอนที่ 36/105)
(3) ปริศนาคำทำนาย (ตอนที่ 37/105)
(4) อากาศยานช่วยชีพ (ตอนที่ 38/105)
(5) อวสานเกาะร้าง (ตอนที่ 39/105)

 

ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ


บทที่ 12   นครพันธุรัฐ เมืองคนทาส

(1) เชลย (ตอนที่ 40/105)
(2) ทาสใหม่ (ตอนที่ 41/105)
(3) นายหญิง เจ้าแห่งนครพันธุรัฐ (ตอนที่ 42/105)
(4) สถานภาพใหม่ของสังข์ (ตอนที่ 43/105)
(5) ความลับของนาเคนทร์ (ตอนที่ 44/105)

บทที่ 13   เทคโนโลยีล่องหน

(1) ห้องลับของนายหญิง (ตอนที่ 45/105)
(2) นวัตกรรมการอำพราง (ตอนที่ 46/105)
(3) เสน่ห์แห่งอำนาจ (ตอนที่ 47/105)
(4) ความลับที่ต่อรองกันได้ (ตอนที่ 48/105)

บทที่ 14   แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)

(1) แผนหลบหนี (ตอนที่ 49/105)
(2) ประตูแห่งอิสรภาพ (ตอนที่ 50/105)
(3) หนี (ตอนที่ 51/105)

บทที่ 15   เส้นทางที่พลัดพราก

(1) หมู่บ้านมนุษย์กินคน (ตอนที่ 52/105)
(2) พลายงาม เพื่อนร่วมทางคนใหม่ (ตอนที่ 53/105)
(3) นางพิม (ตอนที่ 54/105)
(4) เปลี่ยนร่างอำพรางหนี (ตอนที่ 55/105)

บทที่ 16   เมืองกาญจนา

(1) วัดส้ม เมืองกาญจนา (ตอนที่ 56/105)
(2) ธัมมะกับชีวิต (ตอนที่ 57/105)
(3) ไปพบย่าทอง (ตอนที่ 58/105)

บทที่ 17   บ้านของย่าทอง

(1) สายสัมพันธ์ย่าหลาน (ตอนที่ 59/105)
(2) ความสุขในเรือนทอง (ตอนที่ 60/105)
(3) ความสุข ความพอเพียง (ตอนที่ 61/105)

บทที่ 18   วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน

(1) วัยรัก วัยเรียน (ตอนที่ 62/105)
(2) ความรักที่ก่อตัว (ตอนที่ 63/105)
(3) แสงสีแห่งชนบทยามค่ำคืน (ตอนที่ 64/105)
(4) เรื่องวุ่นวาย ของวัยรุ่น (ตอนที่ 65/105)

บทที่ 19   ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น

(1) เส้นทางรัก โสนน้อย สร้อยมณี (ตอนที่ 66/105)
(2) บวชพลายงาม (ตอนที่ 67/105)
(3) ลางบอกเหตุ (ตอนที่ 68/105)
(4) ทางรัก ทางธรรม (ตอนที่ 69/105)

บทที่ 20   ตามหาเพื่อน

(1) ก้าวใหม่ของ นครพันธุรัฐ (ตอนที่ 70/105)
(2) รหัสสื่อสาร 213 ที่ยังจำกันได้ (ตอนที่ 71/105)
(3) นักบินฝึกหัด (ตอนที่ 72/105)

บทที่ 21   แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)

(1) เปิดฉากหนี (ตอนที่ 73/105)
(2) ปิดฉากทาสนรก (ตอนที่ 74/105)

 

ภาคที่ 3:   รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง


บทที่ 22   เดินทางไกล ไปตามฝัน

(1) สิงห์ดำ (ตอนที่ 75/105)
(2) เมืองแห่งความฝัน (ตอนที่ 76/105)

บทที่ 23   นครรัฐเทพนารา

(1) นรกบนเมืองสวรรค์ (ตอนที่ 77/105)
(2) สวรรค์ในเมืองนรก (ตอนที่ 78/105)
(3) บทเรียนของแพรวา (ตอนที่ 79/105)
(4) งานเลี้ยงที่มีวันเลิกลา (ตอนที่ 80/105)

บทที่ 24   ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร

(1) แดนคนเถื่อน (ตอนที่ 81/105)
(2) เพื่อนรัก (ตอนที่ 82/105)
(3) แดนคนดี (ตอนที่ 83/105)

บทที่ 25   ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ

(1) สวรรค์ลิขิต (ตอนที่ 84/105)
(2) ชีวิตจัดสรร (ตอนที่ 85/105)
(3) วิถีชีวิต วิถีชุมชน (ตอนที่ 86/105)
(4) คุณครูมือใหม่ (ตอนที่ 87/105)

บทที่ 26   สัมผัสแรก สัมผัสรัก

(1) เบื้องหลังของหญิงสาว (ตอนที่ 88/105)
(2) ประสบการณ์ที่มีค่า ของรจนารินี (ตอนที่ 89/105)
(3) ของสำคัญ ที่ต้องหาให้เจอ (ตอนที่ 90/105)

บทที่ 27   สังข์ทอง รจนา

(1) คืนร่างเดิม (ตอนที่ 91/105)
(2) ชีวิตใหม่ (ตอนที่ 92/105)
(3) ความหลัง ความรัก (ตอนที่ 93/105)

บทที่ 28   วิกฤตของนครรัฐ

(1) ปัญหาที่ยังตีบตัน (ตอนที่ 94/105)
(2) ตามหาคำตอบ (ตอนที่ 95/105)
(3) นักเล่านิทาน (ตอนที่ 96/105)

บทที่ 29   กู้วิกฤต

(1) สันติอรุณโมเดล (ตอนที่ 97/105)
(2) แผนกู้วิกฤต (ตอนที่ 98/105)
(3) วิกฤตรัก (ตอนที่ 99/105)

บทที่ 30   ฝันที่เป็นจริง

(1) แต่งกับงาน (ตอนที่ 100/105)
(2) การสังหารท่านผู้นำ (ตอนที่ 101/105)
(3) อำนาจใหม่ (ตอนที่ 102/105)
(4) พ่อแม่บุญธรรม (ตอนที่ 103/105)
(5) ฝันเป็นจริง (ตอนที่ 104/105)

 

ปัจฉิมบท -
งานเลี้ยง ย่อมมีวันเลิกลา (ตอนที่ 105/105 ปัจฉิมบท)

 

เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์

ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
เฝ้าใฝ่ฝัน ขอให้เป็นจริง
ความรัก ความกตัญญู เหนือกว่าทุกสิ่ง
แนบอกแม่อิง อุ่น ไอ รัก

ฝ่าอันตราย สิ่งเลวร้ายนานา
สู้อาสา แม้ยากยิ่งนัก
ความโหดร้าย ริษยา อ่อนล้าเหนื่อยหนัก
ต้องกล้าหาญหัก อุปสรรค สู้ทน

ภูติป่า อสูรร้าย เหตุการณ์ท้าทายให้สู้
ต้องยืนหยัดอยู่ กอบกู้ หมู่ประชาชน
เพื่อแม่ เพื่อรัก เพื่อความภักดี ต้องทน
ข้าขอผจญ มารร้าย พ่ายแพ้ไป

ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
คืนฝันวันหวัง ยังอยู่ในใจ
ความรัก ความหวัง คือพลังยิ่งใหญ่
โอ้แม่จ๋า แม่อยู่ไหน ลูกเหนื่อยเหลือเกิน.


 

focused thinking

หน้าแรก - ชุมชน คนคิดดีวรรณกรรม - วิชาการ - บทความ เรื่องสั้น ร้อยกรอง เพลงภาพยนตร์ - บทภาพยนตร์ ภาพยนตร์ตัวอย่าง วิดีโอ มิวสิควิดีโอ
นิเทศศาสตร์ - วิชาเรียน บรรยาย ตำรา เอกสารการเรียน สื่อการเรียน ถาม ตอบ

 


igood media copyright
 SUDIN CHAOHINFA, igoodmedia.net : Administration and Producer
Copyright © 2010-2021 intelligence good media homeschool.
All rights reserved. me@igoodmedia.net