เรื่องสั้น เรื่องล้อเลียน ปี 2021

 

 

หน้าแรก - ชุมชน คนคิดดีวรรณกรรม - วิชาการ - บทความ เรื่องสั้น ร้อยกรอง เพลงภาพยนตร์ - บทภาพยนตร์ ภาพยนตร์ตัวอย่าง วิดีโอ มิวสิควิดีโอ
นิเทศศาสตร์ - วิชาเรียน บรรยาย ตำรา เอกสารการเรียน สื่อการเรียน ถาม ตอบ

เรื่องล้อเลียน :
เอกาปิฎก ฉบับภาษาไทย, เล่ม 1 หน้า 2 ข้อ 3, ว่าด้วย สันดาน 3 อย่าง.

อารัมภบท

ก็สมัยหนึ่งแล, ในเขตมัชฌิมประเทศ อันมีนามเรียกขานว่า เทวะมหาสุขะวดี แห่งสยามรัฐาธิปไตย อันมีองค์กษัตราธิราช มหาภูมินทร์ ทรงปกครองประชาราษฏร ด้วยหลัก ทศพิธราชธรรม 10 ประการ. นำพาความผาสุก ปกเกล้าปกกระหม่อม แก่ทวยราษฎร์ เสมอสมาน มิได้ขาดตกบกพร่อง.

ความอุดมสมบูรณ์พูนสุข แห่งอาณาจักร ได้แพร่กิตติศัพท์ ไปถึง อาณาจักรอุตริประเทศ แห่งแคว้นจักรวรรดินิยม อันไกลโพ้น ซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของมหาสมุทร. ปกครองโดย ชนเผ่าสถุละโจราคาริกะ ผู้มีจิตละโมภและโหดร้าย อันมีพญาอินทรีย์ ที่มีจงอยปากสีเลือด เป็นสัญญะ.

เมื่อถึงครา องค์กษัตราธิราช แห่งสยามรัฐาธิปไตย ผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน. ชนเผ่าสถุละโจราคาริกะ จึ่งคิดการใหญ่ กระทำการฉวยโอกาส บ่อนทำลาย หมายครอบครอง สยามรัฐาธิปไตย มาเป็นประเทศราช ภายใต้จิตละโมภและโหดร้าย ของพวกตน. จึ่งได้จ้างวาน เหล่าคณะสมุนทาส แล เหล่าผู้คน ชาวสยามรัฐาธิปไตย ที่คิดทรยศ ให้กระทำการ บ่อนทำลาย องค์กษัตราธิราช คณะมุขมนตรี แล องค์คณะตุลาการ ให้อ่อนแอ ย่อยยับโดยไว. เพื่อพวกชนเผ่าสถุละโจราคาริกะ เข้าโจมตีเอา สยามรัฐาธิปไตย เป็นประเทศบริวาร ได้โดยง่ายสืบไป.

ครานั้นแล พระสยามเทวาธิราชเจ้า ผู้ทรงตำแหน่ง เป็นท้าวสักกะ แห่งทิพยดุสิตาสวรรคาลัย ทรงเล็งเห็น เหตุอาเพศ ด้วยทิพยญาณจักษุ, ได้กล่าวแก่ เหล่ามหาทวยเทพ ที่มาเข้าเฝ้าว่า เพราะเหตุใดแล ชาวสยามรัฐาธิปไตย จึ่งได้คิดทรยศ อันอุบาทว์ชาติชั่ว เช่นนั้นได้.

มหาเทพสนธิมุนี กล่าวว่า ชาวสยามรัฐาธิปไตย ที่คิดทรยศ เป็นเพราะ ถูกพวกชนเผ่าสถุละโจราคาริกะ ครอบงำ ว่าจ้างให้กระทำการ อันอุบาทว์ชาติชั่ว เช่นนั้น, พระเจ้าข้า!

มหาสุเทวะกัปปสะ กล่าวเสริมว่า เพราะก่อนหน้านั้น. สมัยซึ่ง มวลมหาประชาชน ยังมีความผาสุกอยู่แล. มิได้ใส่ใจ ในเหตุเพทภัย ที่มีอยู่ภายนอกอาณาจักร, มิได้มีจิตแยบคาย ในอุบายชั่วร้ายเหล่านั้น, จึ่งพากันวางใจ ปล่อยให้ยุวชน ชาวสยามรัฐาธิปไตย รุ่นหลัง ถูกชนเผ่าพญาอินทรีย์ ที่มีจงอยปากสีเลือด เป็นสัญญะ รวมทั้งพวกสมุน คอยดักซุ่ม ซอนแซะ ชำระล้าง อุปนิสัย ของพวกยุวชนเหล่านั้น ให้มีจิตใจ กระด้างกระเดื่อง แลเกลียดชัง ต่อ องค์สถาบันสำคัญแห่งรัฐ ตลอดจนบุพการี บุคคลผู้เป็นปูชนียบุคคล ของตน. นี้แล คือเหตุ นี้แล คือปัจจัย แห่งการกระทำ อันทุรยศ อุบาทว์ชาติชั่ว เช่นนั้น พระเจ้าข้า!

ท้าวสักกะ ได้ฟังมหาเทพทั้งสองกล่าวเช่นนั้น ทรงใคร่ครวญ อยู่ชั่วกาละหนึ่ง ยังมิได้ตรัสประการใด.

เทพผู้หนึ่ง แห่งอโศการาม ได้โอกาส กล่าวในอีกแง่มุมหนึ่ง อย่างลึกซึ้งว่า, ข้าแต่ท้าวสักกะ มหาเทพสยามเทวาธิราชเจ้า! สนิมเหล็ก ย่อมเกิดแต่เนื้อในเหล็ก ฉันใด, การทุรยศ ของชาวสยามรัฐาธิปไตย ย่อมเกิดจาก จิตอันโง่เขลา อะหังการ มะมังการ ของผู้นั้น ฉันนั้น. พระเจ้าข้า!,

ข้าแต่ท้าวสักกะ มหาเทพสยามเทวาธิราชเจ้า! แลจิตที่ฝึกมาดีแล้ว ย่อมคุ้มครองปัญญา ปัญญาที่ดีแล้ว ย่อม ทำลายเสีย ซึ่งจิตอันโง่เขลา. เมื่อจิตอันโง่เขลา ไม่มีในผู้ใด การถูกล่อลวงใดใด ด้วยวาจาก็ดี ด้วยเงินตราก็ดี ด้วยการขู่เข็ญก็ดี ย่อมไม่มี ในผู้นั้น พระเจ้าข้า!

 

ครั้นท้าวสักกะ สยามเทวาธิราชเจ้า ได้ฟังดั่งนั้น. ทรงพอพระทัย แล้วกล่าวคาถา อันอมตะวจนะ เป็นที่ยุติแห่งกระทู้นั้น ดังนี้.

 

นี่แน่ะ! ท.! (ท่าน) ทั้งหลาย,
จิตอันโง่เขลา อันเสมือน สนิมเหล็ก เรากล่าวว่า คือ สันดาน 3. สันดาน 3 นี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้คนมีจิตใจเลวทราม ต่ำช้า กระทำการอันอุบาทว์ ชาติชั่ว ได้ในทุกกรณี. มิใช่เพียง กระทำต่อวงศ์ญาติและมิตรสหาย มิใช่เพียง กระทำการคดโกง ฉ้อฉล เอาเปรียบ ต่อราชการบ้านเมือง มิใช่เพียง กระทำการบังคับใช้ ด้วยกำลัง ด้วยศาสตราวุธ เพื่อให้ตน ได้สมประโยชน์ ยังมีอื่นอีก หลายกรณี ซึ่งได้บังเกิดมาแล้ว เป็นอันมาก, แม้ในกาลก่อน แม้ในกาลบัดนี้ แลแม้ในกาลข้างหน้า.

ดูก่อน! ท.! ผู้เจริญ! สันดาน 3 เป็นอย่างไรเล่า? สันดาน 3 คือ สันดานริษยา หนึ่ง, สันดานโกง หนึ่ง, สันดานทาส หนึ่ง.

 

สันดานริษยา เป็นอย่างไรเล่า?

 

สันดานริษยา คือ อาการทางจิต “เมื่อเห็นคนอื่น ดีกว่าตัวเองแล้ว ย่อมไม่สบายใจ”

อาการริษยา ที่เกิดขึ้นแล้ว แก่ผู้ใด ผู้นั้น ย่อมรู้ได้ด้วยตนเอง ผู้อื่น ไม่พึงรู้ได้เลย. อาการริษยา ที่สะสมบ่มเพาะ ในจิตของผู้ใด ย่อมเป็นกำลัง แห่งสันดาน ของผู้นั้น.

เรากล่าวว่า ริษยา คือภัย คือศัตรู คือทุคติ คือนรก ที่บุคคลผู้นั้น ก่อขึ้น ด้วยตน หาใช่ผู้อื่น ทำให้ไม่.

นี่แน่ะ! ท.! ทั้งหลาย, จิตที่ให้อภัยได้ คือ จิตที่ไร้ริษยา.

ดูก่อน! ท.! ทวยเทพ! อย่าหวังว่า คนริษยา จะให้อภัยแก่ท่าน, แลย่อมหวังได้ว่า ถ้าท่าน กระทำตน เป็นคนริษยา เสียเอง ท่านก็ย่อมจักไม่ให้อภัย แก่ใครใคร ดุจอสรพิษ ที่ไม่อาจทำน้ำพิษของตน ให้บริสุทธิ์ ฉันนั้น.

ท.! ผู้เจริญ! เรากล่าว “เมื่อเห็นคนอื่น ดีกว่าตัวเองแล้ว ย่อมไม่สบายใจ” ว่า สันดานริษยา ดังนี้แล.

 

ข้าแต่ท้าวสักกะ มหาเทพฯ สันดานโกง เป็นอย่างไรเล่า?

 

ดูก่อน! ท่านผู้แยบคาย! สันดานโกง คือ อาการทางใจ “เมื่ออยากได้ประโยชน์ ของผู้อื่นที่มีฐานะเหนือกว่าตน แล้วยอมกระทำด้วยวาจา ด้วยกาย เพื่อหวังให้เขา จักให้ทรัพย์ จักให้ลาภ จักให้ยศ จักให้คำสรรเสริญ แก่ตน”

นี้คือเหตุ นี้คือปัจจัย ให้เกิดสันดานโกงทางกาย ในผู้นั้น, ดังนี้.

อาการโกงทางใจ ที่สะสมในจิตของผู้ใด ย่อมเป็นกำลัง แห่งสันดานโกงทางกาย ของผู้นั้น.

เรากล่าวว่า สันดานโกง คือภัย คือศัตรู คือทุคติ คือนรก ที่บุคคลผู้นั้น ก่อขึ้น ด้วยตน หาใช่ผู้อื่น ทำให้ไม่.

นี่แน่ะ! ท.! ทั้งหลาย, จิตที่เสียสละ จิตที่ยอมได้ ทนได้ คือ จิตที่ไร้สันดานโกง.

ท.! ผู้เจริญ! อย่าพึงหวังว่า คนสันดานโกง จะยอมเสียสละทรัพย์ จะยอมเสียสละสิทธิ์ ของตน ที่ได้ไปแล้ว ให้แก่ท่าน, แลย่อมหวังได้ว่า ถ้าท่าน กระทำตน เป็นคนสันดานโกง เสียเอง ท่านก็ย่อมจัก ไม่ยอมเสียสละซึ่งทรัพย์ ไม่ยอมเสียสละซึ่งสิทธิ์ ของตน ที่ได้ไปแล้ว ให้แก่ใครใคร ดุจงูใหญ่ ที่กลืนกินเหยื่อเข้าไปแล้ว ไม่อาจขย้อนเหยื่อออกจากปาก ฉันนั้น.

ดูก่อน! ท.! ผู้เจริญ! เรากล่าว “เมื่อตน เป็นผู้ได้สิทธิ์มากกว่าผู้อื่น เป็นผู้ได้สิทธิ์ก่อนผู้อื่น แม้จะโดยชอบธรรม ก็ตาม แม้จะไม่ชอบธรรม ก็ตาม แล้ว รู้สึกพึงพอใจ” ว่า สันดานโกง ดังนี้แล.

 

ข้าแต่ท้าวสักกะ มหาเทพฯ สันดานทาส เป็นอย่างไรเล่า?

 

ดูก่อน! เทพผู้มีอิสระ! สันดานทาส คือ อาการทางวาจา ทางกาย “เมื่ออยากได้ประโยชน์ ของผู้อื่นที่มีฐานะเหนือกว่าตน แล้วยอมกระทำด้วยวาจา ด้วยกาย เพื่อหวังให้เขา จักให้ทรัพย์ จักให้ลาภ จักให้ยศ จักให้คำสรรเสริญ แก่ตน”

สันดานทาส เกิดขึ้นแก่ผู้ใด ย่อมเป็นกำลัง ของพวกโจรทั้งหลาย ที่อุตริ กระทำกรรมอันชั่วหยาบ เลวทรามต่ำช้า อุบาทว์ ชาติชั่ว อัปรีย์ จัญไร ให้เป็นที่เดือดเนื้อร้อนใจ แก่ชนทั้งหลาย.

เรากล่าวว่า สันดานทาส คือภัย คือศัตรู คือทุคติ คือนรก ที่บุคคลผู้นั้น ก่อขึ้น ด้วยตน หาใช่ผู้อื่น ทำให้ไม่.

นี่แน่ะ! ท.! ผู้เจริญ!, จิตที่มีปัญญาอันมั่นคง คือ จิตที่ไร้สันดานทาส.

ท.! ทวยเทพผู้เจริญ! อย่าพึงหวังว่า คนสันดานทาส จักมีความละอาย มีความเกรงกลัวต่อบาป, จักรู้สำนึก ในคำด่าทอ ของชาวบ้านผู้เดือดร้อน แห่งการกระทำบาปของพวกตน, แลจักมีการใคร่ครวญ ด้วยปัญญา นั้น หาได้ไม่, แลย่อมหวังได้ว่า ถ้าท่าน กระทำตน เป็นคนสันดานทาส เสียเอง ท่านก็ย่อมจัก เป็นผู้ไร้ยางอาย เป็นผู้หน้าด้าน มีจิตอันธพาล แลเป็นผู้ไม่มีปัญญา ดุจสัตว์จำพวกโค กระบือ ที่มีตีนสามกีบ อันเจ้าของผูกร้อยด้วยเชือกสนตะพาย บังคับให้เดินเหยียบย่ำ ไปในโคลนตมอันโสโครก เต็มไปด้วยเชื้อโรค ฉันนั้น.

ท.! ผู้เจริญ! เรากล่าว เช่นนี้ “เมื่ออยากได้ประโยชน์ ของผู้อื่นที่มีฐานะเหนือกว่าตน แล้วยอมกระทำด้วยวาจา ด้วยกาย เพื่อหวังให้เขา จักให้ทรัพย์ จักให้ลาภ จักให้ยศ จักให้คำสรรเสริญ แก่ตน” ว่า สันดานทาส ดังนี้แล.

ท.! ทวยเทพ ผู้เจริญ! กระทู้ธรรมทั้งหลาย ที่เรายกขึ้นกล่าว, ว่านี้คือ สันดาน 3 อย่าง สันดาน 3 เป็นอย่างไรเล่า สันดาน 3 อย่าง เป็นดังนี้, ดังนี้แล.

 

จบ สูตรสันดาน 3 อย่าง.

 

[ทำการสังคายนา เอกาปิฎก โดย สู่ดิน ชาวหินฟ้า (2021) - igoodmedia.net
23 มีนาคม 2564.

[กลับไปหน้าสารบัญ บทความ หนังสือเล่ม ร้อยกรอง บทเพลง]

thinking focus new idea today
คำคม คำคิด แง่คิด ชีวิตดี
หน้าแรก - ชุมชน คนคิดดีวรรณกรรม - วิชาการ - บทความ เรื่องสั้น ร้อยกรอง เพลงภาพยนตร์ - บทภาพยนตร์ ภาพยนตร์ตัวอย่าง วิดีโอ มิวสิควิดีโอ
นิเทศศาสตร์ - วิชาเรียน บรรยาย ตำรา เอกสารการเรียน สื่อการเรียน ถาม ตอบ
 


igood media copyright
 
SUDIN CHAOHINFA, igoodmedia.net : Administration and Producer
Copyright © 2010-2021 intelligence good media homeschool.
All rights reserved. me@igoodmedia.net