***ข่าวล่า มาแล้ว ปริศนาเครื่องบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ หายไปไหน?*** พบแล้ว ปมปริศนา เครื่องบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 ตก ความพยายาม ในการค้นหา "MH370" กว่า 200 ล้านครั้ง ในพื้นที่ 60,000 ตารางกิโลเมตร ประสบความล้มเหลว ทั้งเครื่องบิน คนขับ พนักงานทั้งหมด พร้อมผู้โดยสาร 239 คน สูญหายไป ตั้่งแต่เครื่องบินขาดการติดต่อ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2014 เวลา 02.15 น. โดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่ทราบชะตากรรม ของผู้สูญหายทั้งหมด แต่แล้ว ปริศนาเหล่านี้ ถูกเปิดเผยโดย นักข่าวอิสระ จากสำนักข่าวลอยเตอร์ ผู้มีนามว่า นายปีเตอร์ จูเนียร์ คีธ ชาวอเมริกัน วัย 33 ปี ข่าวได้ถูกนำเสนอ ณ กรุงนิวเดลลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2015 หลังจากนายปีเตอร์ กลับจากบริเวณที่เกิดเหตุ และรวบรวมหลักฐานเป็นรายงานเล่มใหญ่ หลังจาก นายปิเตอร์ ได้ทราบข่าวเครื่องบินลำดังกล่าวหายไป และเฝ้ารอฟังผล ของทีมค้นหาเครื่องบินหาย จากหลายสำนัก และจากความร่วมมือของหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เขามีความเชื่อว่า เครื่องบิน MH370 ประสบเหตุ เช่นเดียวกับ เครื่องบินหลายลำ ที่สูญหายไปบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ในอดีต เขายอมรับในภายหลังว่า มันเป็นความคิดบ้าๆ ไร้เหตุผล แต่ก็มีสิ่งประหลาด คอยดลใจให้เขาเชื่อว่า เครื่องบินได้สูญหายไปในบริเวณ ที่ซึ่งเป็นเขตรอยต่อระหว่างโลกวิทยาศาสตร์ กับโลกมิติ เช่นเดียวกับ การมีหลุมดำ (black hole) เกิดขึ้นแบบปัจจุบัน และเกิดขึ้นในสถานที่และเวลา เดียวกันกับที่เครื่อง MH370 บินผ่านเข้าไป มันมีพลังบางอย่าง ที่กระทำต่อ MH370 นายปิเตอร์ จูเนียร์ คีธ นักข่าวผสมเลือดนักผจญภัย ผู้สืบสายเลือดจาก นาวิกโยธินอเมริกัน ยุคสงครามเย็น พลโทลาร์รี่ คีธ คือปู่ของเขา ซึ่งถ่ายทอดความเชื่อเหล่านี้ให้แก่นายปิเตอร์ จนทำให้เขาเกิดความบ้าบิ่น ออกค้นหาซากเครื่องบิน เพื่อติดตามทำข่าวอันน่าพิศวง มันเป็นสิ่งท้าทายสำหรับเขา หนุ่มปีเตอร์ เชื่อมั่นว่า เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ มันบินไปตกที่ใด เขาจึงมุ่งเดินทางไปยังเทือกเขาหิมาลัย โดยผ่านทางประเทศเนปาลในขาไป และขากลับไปลงที่อินเดีย โดยเขาใช้เวลาในการเดินทาง รวมทั้งสิ้น 285 วัน ซึ่งเขาบอกภายหลังว่า มันเป็นเส้นทางที่วิบากที่สุดในชีวิต เขาเดินทางเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์ ซึ่งเรียกว่า "มรกตนคร" มันเป็นอาณาบริเวณ ที่ไม่ปรากฏในแผนที่ แม้กระทั่งแผนที่ของกล้องดาวเทียม ฮับเบิล ก็ไม่ปรากฏ นับเป็นความน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งสำหรับเขาในเวลานั้น และเมื่อเขาไปพบกับซากเครื่องบิน MH370 ครั้งแรกเขาไม่แน่ใจว่า จะมีผู้รอดชีวิตหรือไม่ เพราะวิเคราะห์ตามสภาพแล้ว ไม่น่ามีผู้ใดรอดชีวิต แต่แล้ว เขาก็ดีใจ เมื่อสิ่งที่เขาคาดไว้ ยังมีความผิดพลาดหลงเหลืออยู่ ปรากฏมีผู้รอดชีวิต เพียง 2 คน คือ พันเอกไพรวัลย์ อนันตรัย กับ นายแพทย์ หม่อมหลวงนาถ วราฤทธิ์ นอกนั้น เสียชีวิตทั้งหมด และที่น่าอัศจรรย์คือ ไม่พบศพผู้เสียชีวิตเลยแม้แต่ศพเดียว สำหรับประวัติผู้รอดชีวิต พันเอก ไพรวัลย์ นายทหารไทย สังกัดกองพลทหารสื่อสาร เป็นบุตรของ พลเอกไชยยันต์ อนันตรัย กับ นางมาเรีย อนันตรัย ส่วนนายแพทย์ ม.ล.นาถ เป็นบุตรของ นายทหารนอกราชการ ร้อยเอก (พิเศษ) รพินทร์ ไพรวัลย์ กับ หม่อมราชวงศ์หญิง ดาริน วราฤทธิ์ ทั้งคู่ เป็นคนไทย มีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร แต่นายแพทย์ ม.ล.นาถ กำลังไปทำวิจัย พฤติการการแพร่เชื้อไวรัสอีโบล่า ที่มาเลเซีย แต่ผลยังไม่ปรากฏ ต้องมาสบเหตุเสียก่อน เอกสารหลักฐานสำคัญสูญหายไปบางส่วน นายปีเตอร์ เล่าว่า ผู้รอดชีวิตทั้งสอง ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี จากกษัตริย์ผู้ปกครองนคร พระราชาธิบดีจักราช และพระราชินีเมยานี รวมทั้งนายปีเตอร์ ด้วยมิตรไมตรี สิ่งที่เขาได้ร้บรู้เรื่องราวทั้งหมด มันได้ถูกบันทึกไว้ในแฟ้มข้อมูลส่วนตัว ทั้งข้อความเขียน ภาพวิดีโอ และภาพนิ่ง ส่วนการค้นหากล่องดำ จากสถานที่เกิดเหตุ พบว่าไม่มีสภาพที่จะรักษาข้อมูลใดๆ ได้เลย เพราะถูกแรงกดดันบางอย่าง ทำให้กล่องดำเสียหายอย่างร้ายแรง จึงไม่สามารถสืบหาสาเหตุของเครื่องบินตกได้เลย จากภาพถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพวิดีโอ ก็ยืนยันตามสิ่งที่เขาพูดทุกประการ นายปีเตอร์ กล่าวว่า สิ่งที่ปู่ของเขาเล่าให้ฟังในอดีต มันเป็นจริงทุกประการ เขาแทบไม่เชื่อตัวเองว่า จากการเสี่ยงชีวิต ค้นหาซากเครื่องบิน มาเลเชีย แอร์ไลน์ แต่เขากลับพบสิ่งมหัศจรรย์แทน และเขาได้บันทึกมันไว้ทุกช็อตภาพ ที่ผ่านพบ ซึ่งมันคือลิขสิทธิ์งานด้านข่าวและสารคดี อันมีค่ามหาศาล นายปีเตอร์ พร้อมด้วย พันเอกไพรวัลย์ อนันตรัย และ นายแพทย์ ม.ล.นาถ วราฤทธิ์ พากันเดินทางกลับออกมาจากดินแดนมหัศจรรย์ ได้อย่างปลอดภัย โดยความช่วยเหลือของกษัตริย์มรกตนคร ตามออกมาส่งที่ชายขอบของมิติโลก-วิทยาศาสตร์ และพวกเดินทาง ถึงเมืองนิวเดลลี ประเทศอินเดีย ในเวลาไม่นาน.