-->
   
igood media
HOME   |  Articles - Book - Poem - SongAUTHOR  |  FILM SCHOOL  |  COMMUNICATION ARTS  |  MY BLOG |

Blog film school

My Media channel

blog

1 หน้าแรก
2
บทความ
หนังสือเล่ม
ร้อยกรอง เพลง
3
บทภาพยนตร์
ภาพยนตร์สั้น
วีดิโอ มิวสิควีดิโอ
4
วิชาเรียนนิเทศศาสตร์
ตำราเอกสาร
สื่อการเรียน
 

 

 

 

เค้าโครง นวนิยาย

The Lost of MH370
บินลัดฟ้า ฝ่าสนามเวลา
“เปิดประตูกาลเวลา
สู่มหานครมรกต”

(ภาคที่ 4 ของนวนิยายอมตะ
เพชรพระอุมา)

เรื่องโดย ดิน หิน ฟ้า (2020) - igoodmedia.net

 

บทที่ 2 ณ ดินแดนทวิกาล หายนะ หรืออัศจรรย์

 

 

ตอนที่ 2.1 ชีวิตพลิกผัน ความฝันหรือความจริง

 

เขตมิติเวลา

ปรากฏซากเครื่องบินตก ที่หุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบว่า เป็นเวลากลางวัน หรือ กลางคืนกันแน่ , เพราะท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม มีดวงดาวระยิบระยับเต็มไปหมด. ดูเหมือนว่า เครื่องบินเสียหายไม่มาก. อาจเป็นเพราะความลาดชันของโตรกเขา ช่วยรองรับแรงกระแทกของเครื่องบิน เอาไว้ส่วนหนึ่ง.

มองในระยะไกล, มองเห็น ร่างของชาย 3 คน, พยายามลากพาสังขารที่เหลือ เดินโซซัดโซเซ ล้มลุกคลุกคลาน เหมือนคนเมา ออกมาจากตัวเครื่อง. พวกเขาใช้เวลานานเกือบครึ่งชั่วโมง ในการพยุงร่าง ให้ยืนนิ่งๆ ได้ เหมือนลูกม้าที่เพิ่งคลอดจากท้องแม่. เมื่อปรับตัวให้เข้ากับ ภาวะแปลกๆ ได้แล้ว พวกเขาก็เดินออกมา ให้ห่างจากตัวเครื่อง. เมื่อมองออกไปรอบๆ ทุกทิศทาง พวกเขาไม่อาจบอกได้ว่า ที่นี่คือสวรรค์ หรือ ดินแดนที่สร้างไว้ สำหรับต้อนรับ หลังการตาย. หรือว่านี่คือ ความฝัน !

ที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง, ประการแรก พวกเขามีร่องรอยบาดเจ็บ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ประการที่สอง คนอื่นๆ รวมทั้งกัปตัน ไม่ทราบว่าสูญหายไปไหน ไม่พบแม้กระทั่งศพ. ไม่มีใคร จะให้คำตอบกับสิ่งนี้ได้เลย.

ต่างฝ่ายต่างสังเกตว่า ทั้ง 3 คน ไม่ใช่เชื้อชาติเดียวกันแน่นอน, คนหนึ่ง ร่างสูงราว 170 เซนติเมตร อายุราว 32 ปี ผิวขาว หล่อสมาร์ท สวมแว่น ตัดผมสั้นเรียบร้อย แต่งกายสุภาพ โทนสีขาว บ่งบอกว่า อาจเป็นเจ้าหน้าที่ในห้องแล็บ หรือไม่ก็เป็นเจ้านาย ในสำนักงานที่ไหนสักแห่ง.

อีกคนหนึ่ง เป็นชายร่างท้วม ค่อนไปทางอ้วน เลยทำให้ความสูง 170 เซนติเมตร ของเขา ดูเตี้ยไปนิดหนึ่ง อายุ ก็น่าจะเลย 50 ปี ไปแล้ว, ไม่แน่ใจว่า เป็นฝรั่งชาวยุโรป หรืออเมริกันกันแน่. ส่วนอีกคน ทายได้ไม่ยาก จากการแต่งกาย เขามาจากดินแดนตะวันออกลางแน่นอน อาจเป็นชาวอิหร่าน อิรัก หรือ อัฟฟานิสถาน. ดูเป็นคนลึกลับ ดวงตาคมกล้า ซ่อนอยู่ในร่างสูง ราว 175 เซนติเมตร.

เมื่อพวกเขา พูดทักทายกัน กลับเข้าใจภาษาที่สื่อสารกัน เป็นอย่างดี. ทำให้พวกเขาไม่แน่ใจว่า พวกเขาตายไปแล้ว หรือยังมีชีวิตอยู่.

แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยืนอยู่ที่นี่แล้ว ยังพูดจากันได้รู้เรื่อง ไม่มีร่องรอยบาดเจ็ด แค่ถลอก ขัดยอกเท่านั้น. ที่นี่จะเป็นอะไร ชื่ออะไร ก็ช่างมันเถอะ. พวกเขาแนะนำตัวเอง แก่สหายที่ต่างก็รอดชีวิตมาได้ อย่างปาฎิหาริย์. ชายใส่แว่น เรียกตัวเองว่า นายแพทย์ ม.ล.นาถ ไพรวรา, ตามด้วยฝรั่งร่างอ้วน มิสเตอร์จอห์น บีน บอมเบอร์ และ มูฮัมหมัด อัล อาลี.

 


นาถ ไพรวรา

 


จอห์น บอมเบอร์

 


มูฮัมหมัด อัล อาลี

 

หลังตรวจสภาพร่างกาย และเก็บสัมภาระที่จำเป็น อยู่นานราวสองชั่วโมง. ที่จริงพวกเขา ยังไม่มีแผนอะไรเลย ว่าจะจัดการอย่างไร กับชีวิตที่รอดมาได้ ต่อจากนี้. เหมือนเวลาถูกทดไว้ คาดว่า ความสว่างจะยังอยู่เช่นนี้ต่อไป แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะนานเท่าใด. ไม่มีอะไรดีไปกว่า พากันเดินออกไปจากที่นี่ อาจจะพบหมู่บ้าน และผู้คน เพราะสังเกตว่า หุบเขาแห่งนี้ ไม่ใช่ป่าทึบรกชัฏ, แต่ยังมีทุ่งหญ้าว่างเปล่าแทรกอยู่ห่างออกไป.

พวกเขา สังเกตเห็นไกลๆ มีร่างคล้ายมนุษย์กลุ่มหนึ่ง มาแอบซุ่มอยู่ห่างจากซากเครื่องบิน. พวกเขาแน่ใจว่า เมื่อออกจากที่นี่ไป จะต้องพบเจอผู้คนแน่นอน ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งอาจแสดงความเป็นมิตรมากกว่า. ความรู้สึกไม่ปลอดภัย เป็นสัญญาณเร่งให้พวกเขา 3 คน ต้องรีบไปจากที่นี่ และเพื่อไม่ให้คนพวกนี้จับได้ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู.

เมื่อได้จังหวะ พวกเขาก็ค่อยๆ หลบออกไปจากที่นั่น. นาถ ไม่ประมาท เขาคว้าน้ำดื่ม ติดตัวไปด้วย. ก่อนผละจากไป ทั้งบอมเบอร์ และ อาลี ต่างสบตากันอย่างไม่ตั้งใจ ที่สังเกตเห็น รูโหว่ที่ด้านข้างของเครื่อง. ส่วน นาถ ไพรวรา อาจคิดว่า เครื่องบินตก น่าจะถูกยิงด้วยขีปนาวุธ มากกว่า ถูกวางระเบิด.

นาถ ไพรวรา ไม่คิดจะปิดบังตัวเอง จึงแนะนำสถานะของตนก่อนเพื่อน, เขาเป็นแพทย์ มีพันธสัญญากับ ภาคีมาเลเซีย-ไทย-จีน ในโครงการวิจัย พฤติกรรมการแพร่เชื้อไวรัสอีโบล่า. ถึงเวลานี้แล้ว, จอห์น บีน บอมเบอร์ ก็ไม่คิดซ่อนเร้นตัวเองอีกต่อไป. เขาเป็นวิศวกรอากาศยาน ต่อมาผันตัวเองมาทำธุรกิจการบิน อยู่ในสหรัฐอเมริกา. แต่ มูฮัมหมัด อัล อาลี ยังสงวนท่าที พูดแนะนำแค่ว่า เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก เขาเป็นแค่นักท่องเที่ยว. แต่สายตาของเพื่อนผู้รอดชีวิต อีกสองคน ยังไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด, แต่ก็ให้เกียรติในสิทธิและเสรีภาพของเขา ไม่อยากรู้เบื้องหลัง ถ้ายังไม่บอกในตอนนี้.

เที่ยวบินนี้, นาถ ไพรวรา จะต้องนำเอกสาร ผลการวิจัย ไปเสนอต่อ ทีมแพทย์ที่แล็บเมือง อู่ฮั่น ประเทศจีน พร้อมกับการค้นพบ รหัสดีเอ็นเอ ที่สามารถทำลายไวรัสที่กลายพันธุ์ได้ โดยบังเอิญ. เขาบอก นี่เป็นความลับที่เขาค้นพบ แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่แล้ว. จอห์น บอมเบอร์ เล่าถึงความล้มเหลวของธุรกิจ ภาวะหนี้สินท่วมหัว. ที่เขาเลือกมากับเที่ยวบินนี้ เพราะต้องการฆ่าตัวตาย ด้วยการระเบิดเครื่องบิน ให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ เพื่อหวังเอาเงินประกัน ไปใช้หนี้. เขายอมรับกับสหายทั้งสองว่า การกระทำแบบสิ้นคิดของเขา ไม่เพียงพอสำหรับการกล่าวหา และลงโทษความคิดโง่ๆ ของเขา.

มีเพียง มูฮัมหมัด อัล อาลี ยังสงวนท่าที ที่จะบอกเล่าความจริง ที่เขาเก็บซ่อนไว้. แต่ด้วยสายตาสองคู่ ที่กดดันความรู้สึกเขา ทำให้เขาเริ่มเผยความจริงบางอย่าง, แต่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับตัวเขา. บนเครื่องบินลำนี้ มีวัตถุอันตราย ซุกซ่อนมาด้วย เขาบอกแค่นั้น เขาเรียกมันว่า กล่องรหัสลับ เขาต้องการมัน. อาลี คาดเอาเอาว่า มันจะต้องถูกเก็บซ่อนไว้ที่ ห้องนอนของนักบิน. เพราะไม่มีสถานที่อื่นอีกแล้ว ที่เป็นสถานที่ลับที่สุด บนเครื่องบิน. ถ้าเครื่องบินยังไม่ตก เขาอาจพบมัน, แต่ตอนนี้ ยังหาไม่เจอ. เขาบอกเพียงว่า มันสำคัญสำหรับมนุษยชาติ.

พวกเขาเดินมาไกล เริ่มรู้สึกหิว น้ำที่นำติดตัวมา ก็ใกล้หมดแล้ว. นานเท่าใด ไม่ทราบได้. สิ่งที่พวกเขาคาดไว้แต่แรก ไม่ผิดแน่นอน เพราะบนพื้นดิน ก็ยังดูสว่างเช่นเดิม และบนท้องฟ้า ก็ยังมีดวงดาว ราวกับกลางคืน ไม่เปลี่ยนแปลง.

บอมเบอร์ มองดูนาฬิกาที่ข้อมือ กลไกของนาฬิกาไม่ทำงาน. ไม่ปรากฏ วัน เวลา ว่าเดือนใด ปีใด. คนอื่นๆ ก็ตกอยู่ในความรู้สึกเดียวกัน. แต่ในสมองของพวกเขา จดจำได้เพียงว่า ขณะนี้ คือ วันที่ 8 มีนาคม 2014.

[หมายเหตุ - MH370 บินเข้าไปในเขตมิติของกาลเวลา ย้อนหลังกลับไป 30 ปี ซึ่งจำนวนผู้โดยสารที่เหลือทั้งลำ ไม่มีประวัติขึ้นเครื่องบินลำนี้เลย]

 

ตอนที่ 2.2 มรกตนคร

 

 

ฤดูกาล สนธิมาส

นาถ บอมเบอร์ และ อาลี เริ่มรู้สึกว่า พวกเขากำลังเข้าใกล้เขตชุมชน. พวกเขา ดีใจมาก คงรอดตายกันแล้ว อาจมีอาหาร น้ำ และที่พัก สำหรับพวกเขาอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย. แต่ความดีใจที่เหมือนตัวเองรอดตาย มันมากับความโชคร้าย, มีชายกลุ่มหนึ่ง ราวสิบคน แต่งกายคล้ายทหาร ขี่ม้าผ่านมาเห็นเข้า พวกเขาก็กลายเป็นตัวประหลาดไปทันที. พวกทหาร ควบคุมตัวพวกเขาไว้ สอบถามสถานะและที่มา แต่เพราะเป็นคนแปลกหน้า จึงสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง. จากนั้น ทหารทั้งสิบนาย ก็พาแขกที่ไม่ได้รับเชิญทั้งสามคน ผ่านประตูใหญ่มาก เข้าเมืองไปในสถานที่หนึ่ง คาดว่าคงเป็นเขตเมืองหลวง เพราะสังเกตมีทหารคุมประตูอยู่ อย่างเคร่งครัด.

เมื่อเข้าใกล้ อาคารใหญ่ ที่สร้างจากก้อนหินที่สวยงาม ถูกตกแต่งอย่างวิจิตร ชนิดที่คงหาดูไม่ได้ในที่ใดในโลก. ทหารให้พวกเขา หยุดพักรอข้างนอก. ทหารผู้เป็นหัวหน้า ลงจากหลังม้า ขึ้นบันไดหิน หายเข้าไปในนั้น. นาถ เดาเอาว่า นี่อาจเป็นวังของเจ้าเมืองก็เป็นได้.

 

ถ้ำมรกต

ในความรู้สึกของพวกเขา คงราวๆ 10 นาทีต่อมา พวกทหาร ก็พาคนทั้งสาม ไปในถ้ำ ซึ่งด้านหน้า มีกำแพงก้อนหินขนาดสูงใหญ่ เป็นประตู สามารถเลื่อนปิดเปิดด้วยกลไก. นาถ แน่ใจว่า เขาและเพื่อนอีกสองคน คงถูกคุมขังไว้ที่นี่ แต่ไม่มีโซ่ตรวน, เขาคิดดูแล้ว มนุษย์ตัวเล็กๆ แค่สามคน ภายในอุโมงค์ถ้ำแห่งนี้ คงยากที่จะหนีรอดไปได้. เสร็จแล้วทหารกลุ่มนั้น ก็จากไป.

 

 

สร้างความวิตกกังวล ให้แก่ นาถ บอมเบอร์ และอาลี จนลืมความหิวไปชั่วขณะ เพราะเขาไม่รู้ฐานะจริงๆ ขณะนี้เลยว่า พวกเขาตกอยู่ในฐานะนักโทษ หรือเป็นแค่บุคคลรอสอบสวน.

นาถ ไพรวรา ตั้งสติ เก็บภาพทั้งหมดไว้ในสมอง, ที่นี่ เป็นเมืองที่มีถ้ำหินสี ที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุด. สิ่งปลูกสร้าง ล้วนทำจากหินสี ที่มีลวดลายวิจิตรพิศดาล ชนิดที่ไม่มีมนุษย์ใดในโลก รู้จักหรือเคยพบเห็น. เขาสังเกตเห็นว่า ผู้คนในเมืองนี้ สื่อคำพูดกันด้วยการสบตากัน ก็รู้ความหมาย. เพราะเท่าที่ผ่านมา ไม่เห็นมีใครสักคนอ้าปากพูดจากันเลย แต่พวกเขาก็สื่อสารกันรู้เรื่อง ราวกับสื่อสารกันด้วยความคิด.

ภายในคุกถ้ำ, พวกเขา เริ่มคุ้นเคย และไว้ใจกันมากขึ้น. จอห์น บอมเบอร์ สารภาพ ตนไม่ใช่คนระเบิดเครื่องบิน. มูฮัมหมัด อัล อาลี ก็เปิดเผยตัวตน, เขาได้รับคำสั่ง จากหัวหน้าของเขา ให้มาขโมยกล่องลับ. นั่นคือภารกิจเดียวของเขา ไม่มีอย่างอื่น. นาถ วิเคราะห์ตามสถานการณ์, กล่องลับนั่น น่าจะมีสิ่งสำคัญ ซ่อนอยู่ข้างใน และเป็นความลับ สำหรับประเทศผู้เป็นเจ้าของ. มิฉะนั้น เครื่องบินลำนี้คงไม่ถูกยิง. นาถ ต้องรู้ให้ได้ว่า กล่องลับ ยังอยู่.

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ นาถ ได้ยินเสียงกลุ่มคนเดิน มายังที่คุมขัง. ผู้ที่เดินนำหน้า กลุ่มทหารมา เป็นสตรีสาว ใบหน้างดงาม แต่ร่าง ซึ่งสูงราว 165 เซนติเมตร กลับดูแข็งแกร่ง ราวกับนักรบ. ดูการแต่งกาย กิริยาการเดิน และการแสดงออกของทหาร ที่มีต่อสตรีสาวผู้นี้ คาดเดาได้ไม่ยาก ว่าคงเป็นมีฐานะ ไม่ด้อยกว่าผู้ปกครอง หรืออาจเป็นผู้ปกครองเมืองนี้ก็ได้.

สตรีผู้ดูสง่าและสูงศักดิ์ เดินเข้ามายืน เผชิญหน้านักโทษ และพิเคราะห์อย่างละเอียด โดยเฉพาะ ได้สบตาตรงๆ กับ ม.ล.นาถ ไพรวรา. เธอคิดใคร่ครวญครู่หนึ่ง ขณะที่ นายทหาร ถามว่าองค์หญิง จะจัดการอย่างไร กับคนพวกนี้.

นาถ ไพรวรา เกิดคำถามมากมายว่า ดินแดนสุดประหลาด มหัศจรรย์แห่งนี้ จะเรียกชื่อว่าอะไร. เขาเกือบลืมไปสนิทว่า พ่อกับแม่เคยเล่าถึง มหานครแปลกประหลาด อยู่บ่อยๆ จนเขาคิดว่า พ่อกับแม่จินตนาการจนกลายเป็นเรื่องจริง. แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เคยได้ยินได้ฟังมา มันก็มีส่วนคล้าย ยกเว้นอยู่สองเรื่อง คือ กลางวันกับกลางคืน มารวมกันได้อย่างไร และ เจ้าผู้ปกครองนคร เป็นชาย แต่นี่เป็นหญิงสาว.

 

วิภูสขะ องครักษ์แห่ง มรกตนคร

 

เจ้าหญิง รับสั่งเรียกชื่อ วิภูสขะ นายทหารองครักษ์ ให้พาคนเหล่านี้ มาสอบสวนทีละคน. ทหารผู้หนึ่ง สบตากับ อาลี เริ่มเป็นคนแรก. อาลี ตามเหล่าทหาร ออกจากถ้ำ ไปยังสถานที่ค่อนข้างลับ เพื่อทำการสอบสวนหาความจริง.

เวลาผ่านไปราว 20 นาที เขาก็ถูกพาออกจากห้อง มากักตัวไว้ที่เดิม. จากนั้น ก็เป็นคิวของ บอมเบอร์. ผลการสอบสวน ดูไม่แตกต่างจากจาก อาลี, หลังถูกสอบสวน เขาถูกพามากักตัวยังที่เดิม.

นาถ เดินตามทหาร เข้าไปในห้องสอบสวน ซึ่งมีองค์หญิง ประทับนั่งบนเก้าอี้ซึ่งตกแต่งด้วยหินสี ห่างออกไปราวเจ็ดก้าว. องค์หญิงแนะนำสถานะของพระองค์ก่อน, เจ้าหญิง ไปรยา แห่งมรกตนคร. นาถ อุทานออกมาเบาๆ “ มรกตนคร !” จากนั้นเขาก็บอกประวัติความเป็นมา รวมถึงบรรพบุรุษ แสดงแหวนที่เขาสรวมนั่น แม่ดาริน เป็นผู้มอบให้. ทำให้เจ้าหญิงเชื่อว่า เขาเป็นลูกชายของ สหายของพระบิดา. เจ้าหญิงไปรยา ได้สอบถามความจริง เกี่ยวกับ บอมเบอร์ และอาลี เท่าที่เขารู้. เจ้าหญิงประเมินแล้วว่า คนพวกนี้ไม่ใช่ศัตรู หรือเป็นคนที่มีอันตราย แต่เป็นแขกที่หลุดหลงเข้ามา โดยบังเอิญ.

 

เจ้าหญิงไปรยา กับ นายแพทย์ หม่อมหลวง นาถ ไพรวรา

 

องค์หญิง จึงให้ทหารองครักษ์ ปลดปล่อยทั้งสามคนให้เป็นอิสระ และให้อยู่ในฐานะ แขกผู้มาเยือน พร้อมรับสั่งให้จัดหาเสื้อผ้า ที่พัก และอาหาร อย่าให้บกพร่อง.

 

สองกาลถัดมา

เมื่อตกมาอยู่ในห้วงเวลา ที่ไม่อาจนับกาลได้ ว่านี่คือกลางวันหรือกลางคืน หรือพวกเขากำลังอยู่ ณ วันที่เท่าใด เวลาอะไร ไม่อาจทราบได้ พวกแขกต่างพิภพ ต่างเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น ทั้งสภาพแวดล้อง และเบื้องหลัง ความจริงใจที่มีให้แก่กัน ก็มีมากขึ้น. เจ้าหญิงไขปริศนา เกี่ยวกับฤดูกาลใหม่ของนครรัฐแห่งนี้ ให้ทุกคนฟัง. นาถ ถือโอกาสบอกความจริงแก่เจ้าหญิง เกี่ยวกับกล่องลับ ที่ยังซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง ในเครื่องบิน. มันอาจเป็นอันตรายแก่เมืองนี้ เขาจำเป็นจะต้องค้นหามันให้พบ เพื่อทำลายมัน. อาลี บอกว่า เขารู้วิธีเปิดกล่องลับนั่น. เขาเกรงว่า ถ้ามีคนร้ายฉวยเอาไป และทุบทำลาย โดยผิดวิธี สิ่งที่อยู่ในนั้น อาจระเบิด หรือสารพิษข้างใน อาจแพร่กระจาย. จากข้อมูลเบื้องต้น ที่อาลีเล่ามา สร้างความวิตกกังวลแก่ทุกคน. เจ้าหญิงไปรยา จึงอนุญาตให้ นาถ บอมเบอร์ อาลี ออกไปค้นหา กล่องลับ ถ้าทุกคนพร้อมที่จะไป.

กด-คลิก ... อ่านต่อ บทที่ 3 แผนการเดินทาง

 

บทนำ

บทที่ 1 จุดเริ่มต้น ของการสูญหาย
บทที่ 2 ณ ดินแดนทวิกาล หายนะ หรืออัศจรรย์
บทที่ 3 แผนการเดินทาง
บทที่ 4 เรื่องลับ ที่ต้องเปิดเผย
บทที่ 5 เผชิญหน้าสิ่งมหัศจรรย์
บทที่ 6 วิถีชีวิต ในมรกตนคร
บทที่ 7 ประตูกาลเวลา สู่ มหานครมรกต
บทที่ 8 ปรากฏการณ์ใหม่ ในมรกตนคร
บทที่ 9 ภารกิจการค้นหากล่องลับ
บทที่ 10 การแทรกซึม ของหัวขโมย
บทที่ 11 การเดินทางข้ามเวลา ของหัวขโมย
บทที่ 12 เบื้องหลัง กล่องลับ ที่ยังไม่ถูกเปิดเผย
บทที่ 13 เหตุการณ์ หลังประตูของมิติเวลา
บทที่ 14 ทางเลือก ของการล่าหัวขโมย
บทที่ 15 กองโจรสิงหรา
บทที่ 16 การโจมตีของศัตรู
บทที่ 17 มังกรไฟ
บทที่ 18 ความพ่ายแพ้ของศัตรู
บทที่ 19 ความลับถูกเปิดเผย
บทที่ 20 อำลามรกตนคร

 

 

  thinking focus new idea today
คำคม คำคิด แง่คิด ชีวิตดี
 


igood media copyright
 
SUDIN CHAOHINFA, igoodmedia.net : Administration and Producer
Copyright © 2010-2021 intelligence good media homeschool.
All rights reserved. me@igoodmedia.net