-->
   
igood media
HOME   |  Articles - Book - Poem - SongAUTHOR  |  FILM SCHOOL  |  COMMUNICATION ARTS  |  MY BLOG |

Blog film school

My Media channel

blog

1 หน้าแรก
2
บทความ
หนังสือเล่ม
ร้อยกรอง เพลง
3
บทภาพยนตร์
ภาพยนตร์สั้น
วีดิโอ มิวสิควีดิโอ
4
วิชาเรียนนิเทศศาสตร์
ตำราเอกสาร
สื่อการเรียน
 

 

 

 

เค้าโครง นวนิยาย

The Lost of MH370
บินลัดฟ้า ฝ่าสนามเวลา
“เปิดประตูกาลเวลา
สู่มหานครมรกต”

(ภาคที่ 4 ของนวนิยายอมตะ
เพชรพระอุมา)

เรื่องโดย ดิน หิน ฟ้า (2020) - igoodmedia.net

 

บทที่ 15 กองโจรสิงหรา

ตอนที่ 15.1 จากหัวขโมย สู่ ฐานะเชลย

 

สิงหรานคร

เดวิด จูเนียร์ และลูกทีม เดชา กิตติ และ มาร์ติน ถูกจับเป็นเชลย ของสิงหรา และขังรวมกันในห้อง. และมีทหาร 3 คน เฝ้าดูพวกเขาอยู่. ตั้งแต่ถูกจับ ยังไม่เห็นคนกลุ่มนี้ พูดจากันด้วยภาษาแบบมนุษย์เลย แค่มองหน้ากัน พวกเขาก็เข้าใจกันแล้ว. ส่วน การพูดจากันในฐานะเชลย ทำให้ทหารที่เฝ้ายามอยู่ รู้สึกรำคาญ คอยให้ห้ามเชลย ให้หยุดพูดอยู่บ่อยๆ. ห่างจากกลุ่มพวกเขา ออกไปราว 20 เมตร สัมภาระ อุปกรณ์ทุกอย่าง ถูกวางกองรวมกันไว้ที่นั่น มันน่าจะยังอยู่ครบ.
สิ่งที่เดวิด ยังกังวลอยู่มาก คือ คนพวกนี้ กำลังจะทำอะไรกับพวกเขา หลังจับมาขังไว้แล้ว. อีกอย่าง เดวิด ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ผู้นำของคนกลุ่มนี้ หลังจากค้นตัวเขา และชิงเอาเพชรเม็ดใหญ่ไปแล้ว ดูรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ชูเพชรนั่นขึ้น แสดงให้เหล่าทหารของเขาดู ราวกับว่าได้รับชัยชนะอะไรบางอย่าง. กล่องลับที่เดวิดนำติดตัวไป ผู้นำของพวกเขา ก็เอาไปด้วย เหมือนกับว่า เป็นศักดิ์สิทธิ์อะไรทำนองนั้น. สิ่งของอย่างอื่น ที่ยึดไปได้ ดูไร้ค่าไปเลย และไม่สนใจ. ส่วน เชลยที่จับไป ก็ขังไว้ก่อนแบบนี้ มาเกือบ 2 วันแล้ว โชคดีที่ไม่ปล่อยให้อดตาย.

จากการสังเกตด้วยสายตาเปล่า, จูเนียร์ คีธ วิเคราะห์ว่า คนกลุ่มนี้ อาจเป็นกองกำลังอิสระ หรือไม่ก็เป็นกองกำลังที่ถูก คนอีกพวกหนึ่งขับไล่ออกมา. และตอนนี้ พวกเขากำลังวางแผน ออกไปโจมตีพวกที่ขับไล่พวกเขาออกมา หรือไม่ก็ เตรียมการออกปล้นครั้งมโหฬารกันเลยละ เพราะดูการซ่องสุม กำลังคน อาวุธ ซึ่งแม้จะโบราณไปหน่อย แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามเห็นแล้ว ก็ใจฝ่อกันเลยละ.

 

ตอนที่ 15.2 ป้องกันพระนคร

 

มรกตนคร

ที่ถ้ำมรกต ในห้องโถงของ นาเคนทร์, พระราชาธิบดี เสด็จมาเยี่ยม หลังจากห่างหายไปนาน ปกติพระองค์จะเสด็จมาร่วมคุยสนทนาด้วย เป็นระยะๆ เกือบทุกสัปดาห์. เรื่องที่สนทนากัน ล้วนแต่เป็นเรื่องที่มนุษย์ทั่วไปฟังกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เช่น เรื่องของเทวดา จักรวาล การเคลื่อนย้ายมวลสาร ไปจนถึงเรื่องชีวิตหลังการตาย. ฟังดูไม่เหมือนการสนทนาธรรม เพราะมีเรื่องของวิทยาศาสตร์ เข้ามาปะปนแทรกทุกระยะ. นับว่า นาเคนทร์เป็นฤาษีที่แปลกประหลาด. หลายครั้งที่พระราชินี มานั่งสนทนาด้วย แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน ทรงลากลับก่อนทุกครั้ง. แม้กระทั่ง พระราชาธิบดีเองก็ตาม, หลายครั้ง ที่พระองค์ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ แต่นาเคนทร์ ก็เพียรพยายามอธิบาย เรื่องเดิมนั่นแหละ หลายรอบด้วยความอดทน เพราะถ้าไม่มีพระราชามาคุยด้วย ก็จะหาเพื่อนคุยด้วยยาก.

แต่เมื่อฟังบ่อยๆ เข้า พระองค์ก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น มากขึ้นตามลำดับ. พระองค์ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก เพราะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือประสาทการรับรู้ของมนุษย์. แม้ว่า พระองค์จะปกครองมรกตนคร มาจนมีพระชนมายุเกิน 60 ปีมนุษย์โลกแล้วก็ตาม แน่นอนว่า พระองค์ย่อมมีพื้นฐาน ความเข้าใจในมิติของเวลา ได้ดีกว่าคนข้างนอก แม้กระนั้น เรื่องลึกซึ้งทางจิตวิญญาณ นับว่ายากพอสมควร ที่จะทำความเข้าใจได้ง่ายๆ.

ในระหว่างการสนทนายังไม่ยุติ, มีทหารสื่อสารนายหนึ่ง มาถวายรายงานว่า นอกประตูเมือง มีพวกกองโจร มาสอดแนม เกิดการต่อสู้กันกับทหารของมรกต. กองโจรกลุ่มนี้ นับว่ามีฝีมือไม่น้อยทีเดียว ที่สามารถหลบหนีทหารของมรกตนครไปได้ อย่างง่ายดาย ขณะนี้ วิภูสขะ กำลังออกตามล่าตัวอยู่.

นาเคนทร์ กล่าวเสริมกำลังพระทัยพระราชาธิบดีว่า พระองค์ไม่ต้องเป็นกังวลไปให้มาก ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนมีสาเหตุ และเมื่อหาต้นเหตุพบแล้ว ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย. เขากล่าวให้ข้อคิดอันน่าพิศวงไว้ว่า, เพราะเหตุใด แขกต่างเมืองที่เป็นใครไม่รู้ เป็นคนนอก จึงเดินทางมาถึงที่นี่ ในวันเวลาที่ศัตรูของพระองค์ เริ่มก่อการ. พระราชาธิบดี ก็ยังทรงไม่เข้าพระทัยอยู่ดี เพราะเหตุผลดูย้อนแย้งกับพฤติภาพ ของแขกนอกอาณาเขต, พระองค์จึงถือโอกาส กล่าวอำลาตาเฒ่าฤาษีนาเคนทร์ และเสด็จกลับ ไปพร้อมกับนายทหารสื่อสาร.

พระองค์ทรงวิตกกังวลเล็กน้อย เรื่องพวกโจร และพระธิดาที่ออกจากพระนครไป พร้อมกับ นาถ.

ที่ประชุมในท้องพระโรง พระราชาธิบดี ทรงมีงานเลี้ยงอาหารค่ำ สำหรับแขกทุกคน. พระองค์ กล่าวอย่างไม่บิดเบือนความจริงว่า ขณะนี้ มีพวกโจรเข้ามาก่อกวน ซึ่งเมื่อหลายปีก่อน ก็ไม่มีร่องรอยหรือเหตุผลใดๆ ที่จะทำให้มีกองโจรมารบกวน แต่มรกตนครก็มีอดีตเบื้องหลัง ที่ไม่สงบมาก่อน.

พระองค์ทรงเล่า อดีตของมหานครแห่งนี้ให้แขกทั้งหมดฟัง อย่างไม่ปิดบังอะไร, มรกต เคยถูกปกครองโดยราชวงศ์สิงหรา ซึ่งแย่งชิงอำนาจมาจาก ราชวงศ์เทพ แต่ปกครองบ้านเมืองอย่างไม่เป็นธรรม เพราะกษัตริย์สิงหรา ตกอยู่ภายใต้อำนาจมนต์ของแม่มดวาชิกา สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนมานาน. พระองค์เองก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเช่นกัน ต้องหนีภัยไปอยู่ที่ประเทศไทย และเติบโตที่นั่น. จนกระทั่งสะสมประสบการณ์ เพื่อหวังจะมากอบกู้เมืองอีกครั้ง, พระองค์โชคดี ที่ได้สหายที่ดีอย่าง ระพินทร์ ไพรวัลย์ ได้นายหญิงที่จริงใจดุจพี่สาว ดารินทร์ วราฤทธิ์ และน้ำใจอันแสนงาม จากพี่ใหญ่ เชษฐา วราฤทธิ์ จากสหายนายทหาร ไชยยันต์ อนันตรัย รวมทั้งคณะพรานป่าทุกคน, ทำให้พระองค์ มีโอกาสกลับมาที่ มรกตนี่อีกครั้ง. ยังไม่เพียงเท่านั้น สหายทุกๆ คน ยังมีส่วนช่วยอย่างมากเหลือเกิน ในการกอบกู้เอกราช ด้วยการสังหารทรราช และแม่มดชั่วร้ายได้สำเร็จ. หลังจากนั้น พระองค์ก็ได้สถาปนา ราชวงศ์เทพขึ้นปกครอง มรกตนคร ดังเดิม. หลายสิบปีผ่านไป หลังจากที่พระธิดา ไปรยา ประสูติพร้อมกับ ฤดูกาลสนธิมาส ฤดูกาลใหม่ของเมืองมรกต ดังที่แขกทุกผู้เห็นอยู่. พระองค์ก็ไม่ได้ระแวงสงสัยเลยว่า ทายาทของสิงหรา จะยังมีเชื้อเหลืออยู่. บุคคลผู้นี้ ถือว่าเป็นแรงสำคัญของพวกสิงหรา ที่อาจต้องการมาชิงมรกตนครคืนไป. ครั้งแรก พระองค์ไม่ค่อยเห็นด้วย ที่พระธิดามีพระทัยมุ่งมั่น ในการฝึกฝนการต่อสู้อย่างสม่ำเสมอ บัดนี้พระองค์รู้เหตุผลแล้วว่า เพราะอะไร.

ถ้ำมรกต และขุนเขาที่แวดล้อมอยู่นี้ เป็นสมบัติของเทพอุมาเทวี ซึ่งพระองค์ได้มอบให้ บรรพบุรุษของราชวงศ์เทพ เป็นผู้สืบทอดดูแลมาตลอดหลายชั่วอายุ. แต่เนื่องจาก ภายในถ้ำมีสิ่งล้ำค่าสำหรับคนภายนอก ถ้ำแห่งนี้จึงเป็นที่ต้องการของเหล่าคนโลภ ทั้งๆ ที่หินทุกก้อน เพชรทุกเม็ด เป็นของเทพอุมาเทวี ที่พระองค์ทรงมอบไว้ให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ไม่ใช่ให้เป็นสมบัติส่วนตัวของใครๆ.

เมื่อเรื่องเล่าเป็นตำนานสืบต่อกันมาว่า แต่ก่อนนี้ ถ้ำมรกต มักมีมนุษย์เข้ามารบกวนอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เทพอุมาเทวี จึงบันดาลให้เมืองนี้ทั้งเมือง และดินแดนแวดล้อมทั้งหมด เป็นดินแดนที่ถูกซ่อนไว้ ในทิศทางที่กลับกัน และมีม่านกั้น ไม่ให้คนล่วงล้ำเข้ามา. อาณาจักรมรกตนคร จึงได้กลายเป็นสถานที่มหัศจรรย์ ที่มนุษย์มองไม่เห็น เดินทางเข้าออกไม่ได้ เพราะมีประตูมิติเวลาเป็นม่าน ขวางกั้นอยู่.

แต่แล้ว มาในยุคนี้ ก็มีเรื่องพิศวงมากกว่านั้น ที่ได้มีทายาทของสหายที่รัก ในอีกภพหนึ่ง ที่อยู่นอกม่านของประตูมิติเวลา เดินทางมาที่นี่. แม้จะไม่ได้ตั้งใจมาก็ตาม แต่ก็มาแล้ว และพระองค์รวมทั้งพระราชินี ทรงยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่มีโอกาสได้พบ นาถ และ วีรินทร์ อันเป็นเสมือนสื่อทางใจ แทนสหายรักและพี่สาวที่แสนดี, ที่พระองค์คิดว่า คงไม่มีโอกาสจะได้พบกันอีก ได้มาเชื่อมต่อสายสัมพันธ์มิตรภาพ และความทรงจำอันประทับใจ ให้ยืนยาวต่อไป.

หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด อย่างตั้งใจ, วีรินทร์ ถึงกับน้ำตาไหล ซาบซึ้งสุดประมาณ ทำให้เธอคิดถึง นาถ เต็มหัวใจ, ถ้าเขาได้มาฟังพระดำรัสของพระองค์ในตอนนี้ หัวใจของเขาจะรู้สึกอย่างไร มันคงไม่ต่างจากเธอในตอนนี้. แน่นอนว่า ภารกิจของเธอ คงไม่จบเพียงแค่มาเพื่อพานาถ กลับไปกรุงเทพเท่านั้น แต่มีสิ่งอื่นที่สำคัญและยิ่งใหญ่พอๆ กัน.

อาลี และ บอมเบอร์ ก็ไม่อาจนิ่งนอนใจเช่นกัน ถ้าพวกเขาไม่ได้พระเมตตาในน้ำพระทัย พวกเขาก็คงจะกลายเป็นพวกโจร หรือไม่ก็เป็นเชลย อะไรสักอย่าง ที่จะทำให้พวกเขา ไม่ได้อยู่ดีกินดีแบบนี้. และสิ่งที่สำคัญคือ พระองค์และพระธิดา ต่างก็ให้เกียรติพวกเขา.

อาลี น่าจะเป็นบุคคลที่คิดใคร่ครวญมากที่สุด เพราะเจตนาเดิมของเขา ไม่ใช่มาแบบนี้ เขาไม่ใช่คนดี เขามีภารกิจเพื่อองค์กรของตัวเอง ไม่ใช่มาช่วยกอบกู้เมือง หรือกอบกู้อะไรให้แก่ใคร. เขาติดร่างแหมากับเครื่องบินนี่ เพราะแค่มาขโมยของอย่างหนึ่งเท่านั้น แล้วก็จบกันไป. แต่ ณ เวลานี้ สถานการณ์มันเปลี่ยนไปหมด จึงทำให้เขาต้องประมวลความคิดเสียใหม่ เพื่อแลกกับโอกาสที่จะได้ออกไปจากที่นี่ กลับไปอยู่ในโลกของความเป็นจริงมากกว่านี้.

แต่บอมเบอร์ กลับเป็นบุคคลที่มีความหวังใหม่ เพราะถ้าเขาไม่หลุดเข้ามาในดินแดนมหัศจรรย์แบบนี้ เขาคงตายไปแล้ว ตอนที่เครื่องบินระเบิด ซึ่งเขาก็ไม่ใช่เป็นคนวางระเบิด แต่มันระเบิดเพราะมีคนอื่นสร้างขึ้น เลยทำให้เขาพลอยได้รับผล ที่คิดว่าน่าจะได้ตายสมใจ ทายาทข้างหลังก็จะได้เงินประกันชีวิต ที่เขาทำไว้กับบริษัทประกันภัย แล้วนำเงินส่วนหนึ่งไปใช้หนี้สิน. นั่นคือเป้าหมายที่เขาคิดว่า มันน่าจะเป็นเช่นนั้น. แต่ตอนนี้ มันอาจกลับตรงกันข้ามก็ได้ บริษัทประกันอาจไม่จ่ายเงินประกันก็ได้ เพราะเป็นอุบัติเหตุ ที่ยังหาหลักฐานไม่พบ แล้วผู้ประกันจะจ่ายเงินค่าเสียหายได้อย่างไร. เรื่องเงิน เป็นเรื่องนอกกาย ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่ ยังสามารถสร้างความหวังใหม่ๆ ให้แก่ชีวิตได้อีกตั้งมากมาย โดยเฉพาะความรู้ความสามารถ ด้านเทคนิคยานบินและเครื่องกลสำหรับยานอวกาศ. เขาอาจตอบแทนน้ำพระทัยของ พระราชาธิบดีและพระธิดา ด้วยการใช้ความรู้ความสามารถนี้ ให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง ดีกว่าจะหาทางเอาตัวรอด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกลับออกไปจากที่นี่หรือไม่.

มูฮัมหมัด อัล อาลี และ จอหน์ บอมเบอร์ กล่าวให้สัจจะแด่พระราชาธิบดีและพระราชินี, พวกตนยินดีและพร้อมจะช่วยป้องกันเมือง และร่วมรบกับนายทหาร ให้พ้นจากการรังควานของพวกโจรกบฎ, เขากล่าวอีกว่า พวกเขามีแผนสร้างสิ่งกีดขวาง การโจมตีของพวกโจรได้ไม่ยาก.

 

ตอนที่ 15.3 การรวมตัวของโจรกบฏ

 

สิงหรานคร

บนลานกว้างหน้าพลับพลา ซึ่งถูกสร้างขึ้น ให้อยู่เบื้องหน้าของหุบภูผา อันเสมือนกำแพงที่แข็งแกร่ง ของชาวสิงหรา. หมู่ทหารราว 300 คนเศษ และแวดล้อมด้วยประชาชน ซึ่งมีปริมาณใกล้เคียงกัน ต่างมาชุมนุมเพื่อฟังคำประกาศ ของผู้นำของเขา ซึ่งขณะนี้ กำลังยืนอยู่บนแท่นหินอันสง่างาม.

 

วรกาฬ ผู้นำสิงหรา

 

บรุษร่างใหญ่ อัดแน่นด้วยมัดกล้ามเนื้อ ที่ต้นขา แขนและอก สูงราว 180 ซม. ผมเกรียน แววตาดุดัน มุ่งมั่น ในชุดนักรบ ผู้มีนามว่า วรกาฬ ผู้นำของชาวสิงหรา และที่ยืนเคียงคู่ เป็นชายในชุดผ้าคลุมตัวและใบหน้า เผยให้เห็นเพียงใบหน้าและหนวดเครา และแววตาอันน่าสพรึงกลัว เขาคือ พ่อมดดำอัคคี ผู้ชี้นำจิตวิญญาณ ให้แก่ลูกหลานชาวสิงหรา. วรกาฬ ชูสัญลักษณ์ เพชรประจำราชวงศ์ ของมรกตนคร และ กล่องลับ ที่อยู่ในมือ ให้ทุกคนได้เห็น. พ่อมดดำ ประกาศว่า นี่คือสัญลักษณ์อันชอบธรรม และกล่องวิเศษ ที่จะทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะ ในการทวงคืนเอาราชบัลลังก์ และถ้ำมรกต มาสู่ลูกหลานของชาวสิงหรา อีกวาระหนึ่ง.

 

พ่อมดดำอัคคี

 

มังกรไฟ

 

เดวิด และ จูเนียร์ ยังทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงแค่สังเกตดูเหตุการณ์ บนลานที่หน้าพลับพลาไปพลางๆ ก่อน. เดวิด จูเนียร์ สบตากับ มาร์ติน เดชา และ กิตติ สื่อสารกันว่า พวกเขาจะทำอย่างไร จึงจะออกไปจากกรงขังนี้ แล้วไปขนเอาของของพวกเขาคืนมา. นั่นคือวิธีที่จะทำให้พวกเขารอดชีวิต และหาทางเข้าเมืองมรกตให้ได้. โชคดี ที่คนกลุ่มนี้ ยังไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรมาก กับของของพวกเขา, อาจเป็นเพราะว่า มันทันสมัยเกินกว่าที่พวกเขาจะมองเห็นประโยชน์ ก็ได้.

เวลาผ่านไปไม่นาน เดวิด ก็ได้ยินเสียงฮือฮาของคนบนลานหน้าพลับพลา, พวกเขาจึงเพ่งจุดสนไปที่เสียงนั้น. สิ่งที่บรรดานักโทษทั้งห้าคน เห็นนั้น ทำให้พวกเขาถึงกับตกตะลึง. สิ่งนั้นจะเรียกว่านกยักษ์หรืออย่างไรดี ไม่สิ มันคือมังกร, มังกรตัวนั้น มันบินมาจากทางไหนไม่รู้ แต่มาลงจอดที่กลางลานดินนั่น ทำเอาผู้คนแตกตื่น หลบห่างออกไป. บนคอของเจ้านกยักษ์ มีพ่อมดดำอัคคีนั่งอยู่ ราวกับเป็นคนคอยบังคับ ขับเคลื่อนให้เจ้านกนั่น ทำในสิ่งที่ต้องการ.

และเพียงไม่กี่อึดใจ พ่อมดดำ ซึ่งนั่งอยู่บนคอของเจ้านกยักษ์ แล้วก็บังคับให้มันกระพือปีก ยกตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว แล้วบินลับหายไป. เดวิด ไม่อยากรู้หรอกว่า เจ้านกยักษ์จะพาพวกเขาจะไปที่ไหน ไปทำอะไร. แต่ตอนนี้ พวกเขาจะต้องวางแผนแก้ปัญหาเฉพาะนี้ให้ได้เสียก่อน.

 

กด-คลิก ... อ่านต่อ บทที่ 16 ..

 

บทนำ

บทที่ 1 จุดเริ่มต้น ของการสูญหาย
บทที่ 2 ณ ดินแดนทวิกาล หายนะ หรืออัศจรรย์
บทที่ 3 แผนการเดินทาง
บทที่ 4 เรื่องลับ ที่ต้องเปิดเผย
บทที่ 5 เผชิญหน้าสิ่งมหัศจรรย์
บทที่ 6 วิถีชีวิต ในมรกตนคร
บทที่ 7 ประตูกาลเวลา สู่ มหานครมรกต
บทที่ 8 ปรากฏการณ์ใหม่ ในมรกตนคร
บทที่ 9 ภารกิจการค้นหากล่องลับ
บทที่ 10 การแทรกซึม ของหัวขโมย
บทที่ 11 การเดินทางข้ามเวลา ของหัวขโมย
บทที่ 12 เบื้องหลัง กล่องลับ ที่ยังไม่ถูกเปิดเผย
บทที่ 13 เหตุการณ์ หลังประตูของมิติเวลา
บทที่ 14 ทางเลือก ของการล่าหัวขโมย
บทที่ 15 กองโจรสิงหรา
บทที่ 16 การโจมตีของศัตรู
บทที่ 17 มังกรไฟ
บทที่ 18 ความพ่ายแพ้ของศัตรู
บทที่ 19 ความลับถูกเปิดเผย
บทที่ 20 อำลามรกตนคร

 

 

  thinking focus new idea today
คำคม คำคิด แง่คิด ชีวิตดี
 


igood media copyright
 
SUDIN CHAOHINFA, igoodmedia.net : Administration and Producer
Copyright © 2010-2021 intelligence good media homeschool.
All rights reserved. me@igoodmedia.net