หน้าแรก - ชุมชน คนคิดดีวรรณกรรม - วิชาการ - บทความ เรื่องสั้น ร้อยกรอง เพลงภาพยนตร์ - บทภาพยนตร์ ภาพยนตร์ตัวอย่าง วิดีโอ มิวสิควิดีโอ
นิเทศศาสตร์ - วิชาเรียน บรรยาย ตำรา เอกสารการเรียน สื่อการเรียน ถาม ตอบ

 

ภาคที่ 1
ตามหารัก อุปสรรคไม่ท้อ

บทที่ 4   ชีวิตใหม่กลางภูผา

ตอนที่ 13

เวทกล มนต์สู้ปีศาจ

ตอนที่แล้ว ... ตอนที่ 12/105

 

ตลอดเวลา 3 ปี เคน รู้ดีว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ที่จะฝึกให้พวกเด็กๆ รู้จักเอาตัวรอด และมีชีวิตอยู่ ในป่าอาถรรพ์แห่งนี้. เขากลับรู้สึกว่า เด็กพลัดหลงสามคนนี่ มีพรสวรรค์ที่ดี ในการป้องกันตัว และการต่อสู้. ช่วงแรกๆ เคน จัดหาอาวุธประจำตัว ให้พวกเด็กๆ, ฝึกให้พวกเขา รู้จักใช้อาวุธง่ายๆ เรียนรู้ชีวิตในป่า วิธีหาอาหาร การเอาตัวรอด จากภัยต่างๆ ในป่า.

แต่ต่อมา สังข์ เอื้อย และโสนน้อย ก็ค้นพบว่า พวกเขาแต่ละคน ถนัดการใช้อาวุธอะไรบ้าง, เพื่อต่อสู้ กับพวกสัตว์ร้าย และภูติต่างๆ เช่น พืชพิษ ต้นไม้กินคน งู แมงมุมพิษ หมาป่า.

 

อาวุธที่พวกเด็กๆ ใช้ เท่าที่หาได้ในป่า ก็คงหนีไม่พ้นจำพวก ธนู หน้าไม้, อย่างดีก็มีดสั้น ทำจากเหล็ก ซึ่งเคน เป็นคนจัดหาให้. แน่ละ พวกเขาจำเป็นต้องพกติดตัว คนละอัน. เด็กทั้งสาม มีพรสวรรค์ และความถนัดต่างกัน. โสนน้อย ตัวเล็กกว่าเพื่อน แต่ใจไม่เล็ก, ถนัดการใช้หน้าไม้. เอื้อย ชอบมีด โดยเฉพาะมีดสั้น, ทำให้เธอเข้าจู่โจมศัตรู แบบประชิดตัวได้ดีกว่า. ส่วนสังข์ ใช้อาวุธได้ทุกชนิด ที่เคนสอนให้, นอกจากเลือดนักสู้แล้ว สังข์ ยังมีความจำเป็นเลิศ. เอื้อย ได้ความรู้ด้านสมุนไพรป่า จากเคน, โสนน้อย ชอบเรื่องอาหารและเสื้อผ้า.

 

พวกเด็กๆ โตขึ้นตามอายุ, วัย 10 ปี ถ้าเป็นเด็กทั่วไป คงอยู่ในป่าแห่งนี้ได้ยาก แต่พวกเขา เป็นเด็กที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี มีความสุขตามอัตภาพ, แต่พวกเขา ก็ยังต้องการกลับไปหาแม่. เอื้อย ไม่อยากอยู่กับแม่เลี้ยงใจร้าย อยากจะออกไป ตามหาแม่แท้ๆ มากกว่า. โสนน้อย มีพ่อ แม้พ่อจะไม่รัก แต่เธอก็ต้องการกลับบ้าน ดีกว่าอยู่ในป่านี่ อย่างน้อย ก็มีแม่เลี้ยงใจดีรออยู่.

 

ตอนสายๆ อากาศโปร่งกว่าทุกวัน, เคน ปล่อยให้เด็กๆ เป็นอิสระ. เอื้อย หายหน้าเข้าป่าไปกับเคน. สังข์ ชวน โสนน้อย ไปซักเสื้อผ้า ที่ริมลำธารใกล้ๆ, โสนน้อย ถือโอกาส ขยุ้มเสื้อของเคน ติดตัวไปด้วย.

 

“ไง คงทนเหม็นไม่ไหวล่ะซิ?” สังข์ กระเซ้า.

“ก็คงงั้น” โสนน้อย ไม่โกหก “สังข์ ไม่คิดถึงแม่บ้างเหรอ?”

สังข์ พยักหน้า ขยี้ผ้าต่อไป.

“ข้าวต้มมัดของแม่เธอ อร่อยดีนะ”

“เธอยังไม่หายโกรธ พ่อเธออีกเหรอ?” สังข์ เป็นฝ่ายถามบ้าง.

โสนน้อย มองหน้า ไม่พูด ซักผ้าต่อ.

“เออนี่ ... สังข์ เรามาอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว?”

“ยังไม่ได้นับ” สังข์ ตอบ และเริ่มเป็นห่วงเพื่อนอีกคน “เอื้อย ไปนานจัง”

“อย่าเป็นห่วงเลยน่า ไปกะเคน ไม่เป็นไรหรอก”

“สังข์”

เสียงเอี้อยเรียก ขณะยืนอยู่ที่ ริมฝั่งลำธารอีกฝั่งหนึ่ง พร้อมกับชูสิ่งที่อยู่ในกำมือขึ้น โบกซ้ายขวาไปมา เพื่อให้สังข์และโสนน้อย ซึ่งอยู่อีกฝั่งเห็น.

“อะไรน่ะ?” สังข์ ตะโกนถาม.

เอื้อยยืนยิ้ม “นี่ไง”

พร้อมกลับชูช่อผลไม้ลูกเล็กๆ สีดำสลับแดง ในมือให้สูงขึ้นอีก แต่สีหน้าและ อาการของสังข์ ดูตื่นเต้นผิดปกติ.

“อะไร?” เอื้อย ตะโกนสวนออกไป.

“ข้างหลังเธอ”

สังข์ตะโกน แล้วรีบขึ้นฝั่ง เพราะสิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในมือของเอื้อย.

 

เอื้อย รู้สึกผิดสังเกต, หันไปทางด้านหลัง รู้สึกสันหลังเย็นวาบ เพราะสิ่งที่ชูคอ จดๆ จ้องๆ อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือถึง. ลำตัวของมันไม่เล็ก เลี้อยมาจากไหนไม่รู้ พร้อมจะฉกเหยื่อ ได้ทุกเมื่อ.

สังข์ รีบขึ้นจากฝั่ง อย่างรวดเร็ว, รีบคว้าหน้าไม้ ใส่ลูกดอก. โสนน้อย วิ่งตามขึ้นมาติดๆ คว้ามีดติดตัว กระโดดลงน้ำไป แต่สังข์ตะโกน.

“อย่าออกไป

สัญชาติญาณ สอนเอื้อยไว้, โน้มตัวก้มหลบ ขณะที่วัตถุปลายแหลม กำลังพุ่งแหวกอากาศ ออกจากรางแท่นยิง -

 

ฉึก!

 

เอื้อย หันกลับไปมองอีกที, ฉึก! ดอกที่สอง เข้าตรงลูกนัยน์ตาของมัน. เหมือนบังเอิญ มันดิ้นสะบัดหัวไปมา และเลื้อยหนีไป. เอื้อย รีบลุยน้ำมาอีกฝั่ง ขณะที่โสนน้อย ลุยน้ำไปรับเพื่อน ผู้ที่หายใจโล่งอกคือ สังข์.

 

“ขอบใจนะ สังข์ โสนน้อยด้วย” เอื้อย กล่าวขอบคุณ.

“เธอไม่ได้มากับเคนเหรอ” สังข์ ถาม.

“เราแยกกัน เคนไปอีกทาง กะว่าจะมาเจอกันที่นี่”

“เธอหายไปนาน ได้อะไรมาน่ะ” สังข์ ถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น.

“ไอ้นี่มักซักผ้าได้ แทนสบู่”

“เธอรู้ได้ไง?”

“เคนบอก”

 

เช้าวันรุ่งขึ้น, สังข์ ทบทวนอะไรในใจบางอย่าง มองไปยังที่นอนของเอื้อย กับโสนน้อย. พวกเธอยังหลับอยู่ และนึกได้ว่า เขาก็มีข้อสงสัยเช่นเดียวกัน. สังข์ ลุกจากที่นอน เดินไปปลุกเอื้อยกับโสนน้อย พากันเดินขึ้นไปที่ถ้ำ ที่อยู่เหนือขึ้นไปจากกระท่อมที่พัก.

 

“เราจะไปไหนกัน?”

“เธออยากรู้ไม่ใช่เหรอ ว่าเรามาอยู่ที่นี่ นานเท่าไหร่แล้ว”

เอื้อย พยักหน้า.

“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ ไปที่โน่นซิ”

สังข์ ชี้ไปที่ก้อนหินใหญ่สองก้อน ซึ่งบังช่องเล็กๆ ของผาถ้ำ.

 

สังข์ ปีนขึ้นไปบนก้อนหิน เดินข้ามผ่านไป. เอื้อย กับ โสนน้อย เบียดลำตัวลอดผ่าน ช่องระหว่างก้อนหินใหญ่. สังข์ เดินนำเข้าไปในปากถ้ำ, มันมีขนาดไม่ใหญ่นัก ขนาดเด็ก 3 คน ลอดเข้าไปได้ และมันมีช่องแสง กับ หลุมขนาดเท่าโอ่งน้ำใบใหญ่.

เมื่อเข้าไปข้างใน จะเห็นก้อนกรวดเล็กๆ อยู่ในนั้น ประมาณครึ่งหลุม.

 

“อะไรน่ะ?” โสนน้อย สงสัย.

“ก็ก้อนหินน่ะซิ” สังข์ หยิบมันขึ้นมา “พวกเรามาช่วยกันนับดีกว่า ว่ามันมีกี่ก้อน”

“ใครเอามันมาไว้ที่นี่?”

“เราเองแหละ” สังข์ อธิบาย “ตั้งแต่เรามาอยู่ที่นี่ เราก็เอามาใส่ทุกวัน วันละก้อน”

“ถ้างั้นดีเลย เรามาช่วยกันนับดีกว่า”

 

เวลาผ่านไปไม่นาน ก้อนหินก็ถูกนับจนหมดหลุม. มันถูกแบ่งกองไว้ที่พื้น สามกอง กองละ 365 ก้อน พอดี.

 

“อู้ฮู้! เราอยู่ที่นี่ มาสามปีแล้วหรอเนี่ยะ” เอื้อย อุทาน.

 

เสร็จแล้ว พวกเด็กๆ ช่วยกัน ขนก้อนหิน ใส่ลงไปไว้ในหลุมเหมือนเดิม. ก่อนออกไปจากที่นั่น ก็มีเสียงประหลาดดังขึ้น.

“แกล่ก! แกล่ก! แกล่ก! ฮือ ๆ ๆ”

มันดังมาจากข้างใน ดึงความสนใจของพวกเด็ก ให้อยากเข้าไปดูว่ามันเสียงอะไร. โสนน้อย ก้าวออกไป, สังข์ รั้งแขนห้ามไว้

 

“เดี๋ยวก่อน”

“เสียงอะไร?”

“ไม่รู้” สังข์ บอก “แต่ข้างใน มันเป็นโพลงมืด เราเองก็ยังไม่เคยเข้าไปเลย ... เรากลับกันเถอะ”

“เดี๋ยว” เอื้อย อยากรู้ขึ้นมาทันที ยื่นมือออกไป “สังข์ เธอเอามันมาด้วยไหม๊?”

“อะไร?”

“ก็ไฟของเธอน่ะสิ”

 

สังข์ หยิบสิ่งประดิษฐ์ ที่อยู่ในถุงย่ามออกมา. มันเป็นหินไฟประดิษฐ์ ที่เขาคิดขึ้นเอง โดยใช้แท่งหิน ที่มีแร่ฟอสฟอรัส มัดเข้ากับแกนกลางที่เป็นเหล็ก, ให้มันสีกับแผ่นหินไฟ โดยการหมุนแท่งหินไปรอบๆ เร็วๆ จนเกิดประกายไฟ และความร้อน แทนการเคาะให้เกิดประกายไฟ เหมือนคนยุคหิน.

ไม่นาน คบไฟก็ถูกจุดขึ้น โดยใช้เชื้อเพลิง จากไขสัตว์ผสมเศษฝ้าย.

โชคดี ที่คบไฟถูกจุดขึ้น แต่โชคร้าย หินไฟประดิษฐ์หลุดมือ หล่นกลิ้งลงไป ในโพลงข้างล่าง ซึ่งมีลักษณะลาดชัน เหมือนขั้นบันได.

 

“โธ่! ไม่น่าเลย อุตส่าห์ทำตั้งนาน” สังข์ โมโหตัวเอง.

“งั้น เราจะลงไปเอามาให้” เอื้อย อาสา และทำท่าจะคลานลงไป แต่สังข์ห้ามไว้.

“ไม่ต้อง เราไปเอง”

 

สังข์ค่อยๆ ถือคบไฟ คลานลงไปในโพลงที่ลาดชัน, แต่พื้นหินมันชื้น และลื่นเกินไป. สังข์ ลื่นไถลตกลงไป ที่บริเวณก้นหลุมของโพลงถ้ำ. เอื้อย หัวเราะ แต่โสนน้อย ไม่ขำด้วย. สังข์ ส่องคบไฟไปรอบๆ เสียงเอื้อย ตะโกนเรียกมาจากข้างบน.

 

“เป็นไรหรือเปล่า ข้างล่างเป็นไงบ้าง?”

 

สังข์ ยังไม่ตอบ เพราะสิ่งที่ได้ยิน มันน่าสนใจกว่า. เสียงร้อง ขอความช่วยเหลือของคน ที่ติดอยู่ในนั้น, เหมือนถูกขังอยู่ข้างใน. สังข์ ค่อยๆ ขยับเท้าทีละก้าว เข้าไปใกล้ๆ เสียงร้องนั่น, มันอยู่ไม่ไกล แต่ก็มองไม่เห็นแหล่งเสียง รู้สึกว่ามันอยู่ใกล้ๆ ตรงหน้านี่เอง. สังข์ยกคบเพลิงขึ้น ...

 

“ตัวอะไรเนี่ย!” เสียงอุทานของสังข์ ที่อยู่ข้างล่าง แต่มันดังไปถึงข้างบน.

“เจอตัวอะไร?” เอื้อย ถาม.

“ไม่รู้”

 

สัญชาติญาณของเอื้อย กลับมาอีกครั้ง, เธอบอกให้ โสนน้อย อยู่ข้างบน ส่วนเธอรีบคลานลงไปในโพลง. โสนน้อย รู้สึกเป็นกังวล และลังเล ไม่รู้จะทำอย่างไร.

 

เอื้อย ไถลลงไป ชนกับหลังของ สังข์. ภาพเบื้องหน้า ปรากฏชัดเจน. สองนักผจญภัย เตรียมอาวุธออกมา ตามสัญชาติญาณของนักสู้ ที่เคนเคยสอนไว้. แม้แสงจากคบไฟ จะไม่สว่างนัก, ก็รู้ว่า สัตว์ที่อยู่ข้างหน้า มันมีแปดขา ยืนเขย่งโย้ตัวไปมา ในความมืด. กะด้วยสายตา ลำตัวของมัน ใหญ่กว่าคนสองเท่า.

 

มันกำลังคืบคลาน เข้ามาหาเด็กทั้งสองคน, เส้นใยสีขาวของมัน ถูกพ่นออกมาจากส่วนไหนไม่รู้ โดนหน้าไม้ของสังข์. มันเหนียวหนืด หน้าไม้่ เหมือนถูกรัดด้วยเชือก. เอื้อย เหวี่ยงมีดฟันฉับจนขาด. มันก็พ่นใยเหนียวใส่ เอื้อย ซ้ำอีก, รัดข้อมือและแขน. สังข์ ปล่อยลูกดอก ออกจากหน้าไม้ ปักนิ่งบริเวณท้อง, แต่มันไม่สะดุ้งสะเทือน. เอื้อย ถูกใยแมงมุมรัด ที่บริเวณลำตัว, มีดในมือร่วงลงพื้น. สังข์ ระดมยิงลูกดอก จากหน้าไม้ใส่มันไม่ยั้ง, มันเริ่มถอย แต่ลากเอาร่างของเอื้อย ติดไปด้วย, พร้อมกับพ่นใย หุ้มตัวเอื้อยไปด้วย ใยที่หุ้ม หนาขึ้น หนาขึ้น. เอื้อย แทบหายใจไม่ออก ถูกลากเข้าไปใต้ท้อง จนมองเห็น เขี้ยวโง้งคู่หน้าของมัน, ค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้เอื้อย เข้าไปทุกที.

 

“ช่วยด้วย!”

 

เสียงร้องของเอื้อย กระตุ้นให้สังข์ ต้องจัดการอะไรสักอย่าง, เขาคว้ามีดของเอื้อย ที่ตกบนพื้น พุ่งสไลด์เข้าใส่ใย ที่หุ้มตัวเอื้อย แล้วระดมฟันเส้นใยขาวให้ขาด โดยไม่ยั้งมือ จนใยมรณะนั่น หลุดออกจากลำตัวของเอื้อย. ส่วนที่ขาด ก็ขาดไป ส่วนที่ถูกพ่นทับไปที่ตัวสังข์ ก็ยิ่งทับทวี หนาขึ้นๆ. แต่สังข์ไม่ยอมแพ้ แม้เขาจะถูกลาก เข้าไปใกล้คมเขี้ยวของมัน. โชคดีที่แขนข้างหนึ่ง ยังมีอิสระอยู่ และมีดยังอยู่ในมือ, เขาฉวยโอกาส แทงสวนออกไป ที่ปากของมัน. ได้ผลหรือเปล่าไม่รู้ แต่ทำให้มันสะดุด ถอยหลังขึ้นไปบนเพดานถ้ำ, ลากเอาเด็กสองคน ครูดไปตามผนังถ้ำ จนเกือบถึง ปลายแหลมของหินงอก.

 

สังข์ตกใจ หลับตาคิดว่าคงไม่รอดแน่.

วิ๊ง ๆ ๆ ๆ ปึก! … อี๊ด ๆ ๆ

มันหยุดอยู่กับที่ สังข์ ลืมตา และรู้สึกว่า มันคงโดนอะไรเข้า จึงดิ้นและร้องเสียงหลง.

ฉึก! … อี๊ด ๆ

คราวนี้มันหยุดดิ้น ... คงสิ้นฤทธิ์แล้ว. สังข์ เปิดเปลือกตามองดู สิ่งที่อยู่เหนือหัวของตัวเอง. โอ้ว! ปลายแหลมของหินงอก อยู่ติดกับติ่งหูพอดี.

สักครู่ ก็มีเมือกสีน้ำเงิน ไหลเผละลงมา เลอะที่บริเวณหน้าอกของสังข์. กลิ่นของมัน เหม็นมาก. คงเป็นเลือดจากรอยมีด ที่พุ่งเข้าใส่ฉึกแรก ตรงซอกคอของมันพอดี.

 

“สังข์ เป็นไงมั่ง”

 

สังข์ เพิ่งจะหายจากหูอื้อ พลิกตัวมองไปข้างๆ เห็นเอื้อย กำลังดิ้น เพื่อให้หลุดจากใยเหนียว. เขาหันไปทางเสียงเรียก เป็นเสียงของ โสนน้อย นั่นเอง, และผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ กำลังลดหน้าไม้ลง ก็คือ เคน.

 

“ขอบคุณมากนะ เคน ที่ช่วยชีวิตหนู”

เอื้อย กล่าวขอบคุณ ขณะที่เคน เดินไปถอนมีด ที่ซอกคอของแมงมุมยักษ์.

“ไม่หรอก ถ้าโสนน้อย ไม่ไปตามฉัน พวกเธอเสร็จมันแน่”

เคน พูด ขณะเดินมาตัด เอาใยแมงมุมออกไป.

“รีบไปจากที่นี่กันเถอะ ก่อนอีกตัวจะตามมาเจอ”

“ยังมีอีกตัวเหรอ?”

“ไอ้ตัวนี้ มันอาจจะกำลังท้องก็ได้ มันเลยจะเอาเธอสองคน ไปฝากลูกของมัน”

เคน พูดติดตลก แต่ไม่มีใครขำสักคน

“ฉันเคยเจอมันมาแล้ว ... ยื่นมือมา ฉันช่วย”

เคน ดึงมือของเอื้อย นำหน้าขึ้นมา จากโพลงถ้ำ.

“ตอนนั้น ฉันคิดว่าแค่ไม้ปลายแหลม ก็หยุดมันได้ ฉันคิดผิด มันจึงหนีไปได้”

“เคน ใช้อะไรยิงมัน?”

สังข์ ถาม ขณะที่ทุกคน เดินออกมาพ้นจากปากถ้ำ.

“เธอคิดว่า ลูกดอกธรรมดา จะหยุดมันได้เรอะ?”

 

ในระหว่าง เดินทางกลับ เคน อธิบายให้บทเรียนบทสำคัญ แก่พวกเด็กๆ.

“เจ้าสัตว์พันธุ์นี้ มันมีวิญญาณร้ายแฝงอยู่ มันรู้ว่าเหยื่อของมันเป็นอะไร และมันรู้ว่าจุดอ่อนของเหยื่อคืออะไร มันจะใช้เวทย์กล หลอกให้เหยื่อหลงเชื่อ เพื่อให้เข้าไปใกล้ๆ จะต่อสู้กับสัตว์ร้ายพวกนี้ ลำพังกำลังกับอาวุธ ทำอะไรมันไม่ได้หรอก จะต้องมีความกล้า ไหวพริบ รู้จักหลบ หลีก และรับมือกับมัน และที่สำคัญ สติต้องมั่นคง เมื่อเผชิญหน้ากับมัน”

 

คำสอนของ เคน บทนี้ มีความหมายและความสำคัญ สำหรับพวกเด็กๆ มาก. มิน่าล่ะ พวกชาวป่า มีแต่ความกลัว ไร้สติ จึงตกเป็นอาหารของพวกมัน ไม่กล้าออกไปจากหมู่บ้านนี้.

 

เคน คิดว่า พวกเด็กๆ ได้เรียนรู้ วิธีป้องกันตนเอง จากพืชพิษ สัตว์ร้าย การรักษาตนเองด้วยสมุนไพรป่า มาพอแล้ว ถึงเวลาที่พวกเขา จะได้เรียนรู้เวทย์กล เพื่อใช้ต่อสู้กับพวกภูติปีศาจ ที่อยู่รายรอบในป่านี้.

เขาสอนว่า เวทย์มนต์ คือการใช้เสียงและพลังทางจิต เป็นอาวุธ. มันทำลายศัตรูได้เฉพาะ พวกภูติชั้นต่ำ ที่ชอบหลบๆ ซ่อนๆ คอยลอบกัดทำร้ายเหยื่อ. แต่เวทย์กล คือการใช้ทั้งเสียง ลีลา อาวุธ และสายตา. โดยพื้นฐานแล้ว ต้องใช้สติและความกล้า แม้ศัตรูอย่างพวกสัตว์ป่า และพวกอสูรเจ้าเล่ห์ทั้งหลาย ก็ไม่สามารถทำอันตรายเราได้.

 

ภูตินรกเหล่านี้ มันรู้ว่า มนุษย์มีจุดอ่อน ที่ประสาทสัมผัส 6 จุด คือ ภาพที่มองเห็น เสียงที่ได้ยิน กลิ่นที่สูดดม รส สัมผัส และอารมณ์ที่รู้สึก. นั่นแหละ มันจะสร้างกับดัก ผ่านประสาทสัมผัสเหล่านั้น ให้มนุษย์ลุ่มหลงมึนงง เหมือนตกอยู่ในมนต์สาป. จากนั้น มันก็จะจู่โจมด้วยอิทธิฤทธิ์ต่างๆ และจับเรากินเป็นอาหาร. เคนสอนพวกเด็กๆ ว่า อำนาจร้ายของพวกอสูร ไม่อาจปราบลงได้ง่าย และปราบได้หมดสิ้น. เพราะไม่รู้ว่า พลังของพวกมัน มาจากไหนบ้าง.

แต่เราก็ควรรู้จุดอ่อนของมันเช่นกัน สติและความกล้าของเรา จะทำลายกับดักที่มันสร้างขึ้น. นี่คือก้าวแรก ของการป้องกันตนเอง ส่วนการแพ้ชนะ ขึ้นอยู่กับ อาวุธและลีลาการต่อสู้.

 

กล้าหรือกลัว อยู่ที่หัวใจ แพ้ชนะ อยู่ที่สมอง จำไว้

นี่คือข้อสรุปของ เคน เมื่อเผชิญกับศัตรูที่เราไม่รู้จัก.

 

อ่านต่อ ... ตอนที่ 14/105

 

สารบัญ / ตอนที่

ปฐมบท -

แสงแรกของเรื่องราว


ภาคที่ 1: ตามหารัก อุปสรรคไม่ท้อ


บทที่ 1   ต้นเหตุของเรื่องราว

(1) ละครชีวิตแห่งนครวิชัยยศ (ตอนที่ 1/105)
(2) รัก ริษยา อาฆาต อำนาจมัวเมา (ตอนที่ 2/105)
(3) อำลาที่ขมขื่น (ตอนที่ 3/105)

บทที่ 2   สังข์ เอื้อย โสนน้อย

(1) อดีตที่เติบโต (ตอนที่ 4/105)
(2) เพื่อนใหม่ผู้น่าสงสาร (ตอนที่ 5/105)
(3) จินตนาการ นิทาน ความฝัน (ตอนที่ 6/105)

บทที่ 3   วันสังหาร

(1) ชีวิตที่โหยหา (ตอนที่ 7/105)
(2) พินัยกรรมริษยา (ตอนที่ 8/105)
(3) คำสั่งลับ (ตอนที่ 9/105)

บทที่ 4   ชีวิตใหม่กลางภูผา

(1) ภาระใหม่ของนาเคนทร์ (ตอนที่ 10/105)
(2) ความลี้ลับของป่า (ตอนที่ 11/105)
(3) บทเรียนชีวิต (ตอนที่ 12/105)
(4) เวทกล มนตร์สู้ปีศาจ (ตอนที่ 13/105)
(5) ส่งเด็กกลับบ้าน (ตอนที่ 14/105)

บทที่ 5   ภูติร้ายในป่ามรณะ

(1) ประตูมายาแห่งป่า (ตอนที่ 15/105)
(2) ภาพลวงตา (ตอนที่ 16/105)
(3) กลลวงปีศาจ (ตอนที่ 17/105)
(4) หุบผาหมอก (ตอนที่ 18/105)

บทที่ 6   ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ

(1) การมาเยือน ของมนุษย์นอกจักรวาล (ตอนที่ 19/105)
(2) ประตูเวลา ของพวกเอเลี่ยน (ตอนที่ 20/105)

บทที่ 7   หนอนทะเลทราย

(1) สู่ทะเลทราย (ตอนที่ 21/105)
(2) หนอนยักษ์ มฤตยูใต้ดิน (ตอนที่ 22/105)

บทที่ 8   หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล

(1) หมู่บ้านไร้เวลา (ตอนที่ 23/105)
(2) จุดจบของพวกเอเลี่ยน (ตอนที่ 24/105)

บทที่ 9   พบเพื่อนใหม่

(1) สองพี่น้องชาวเล (ตอนที่ 25/105)
(2) ปริศนาเฒ่าทะเล (ตอนที่ 26/105)
(3) ความลับ (ตอนที่ 27/105)
(4) แผนเดินทาง (ตอนที่ 28/105)
(5) บทเรียนบนเรือรบ (ตอนที่ 29/105)

บทที่ 10    ผจญภัยกลางมหาสมุทร

(1) เขตย้อนเวลา (ตอนที่ 30/105)
(2) บนเรือโจรสลัด (ตอนที่ 31/105)
(3) ผีเสื้อสมุทร และหมึกยักษ์ (ตอนที่ 32/105)
(4) เกาะร้าง (ตอนที่ 33/105)
(5) นิมิตแห่งตำนานสายฟ้าอสูร (ตอนที่ 34/105)

บทที่ 11   ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง

(1) อาวุธมีเจ้าของ (ตอนที่ 35/105)
(2) ปาฏิหาริย์ลิงเผือก (ตอนที่ 36/105)
(3) ปริศนาคำทำนาย (ตอนที่ 37/105)
(4) อากาศยานช่วยชีพ (ตอนที่ 38/105)
(5) อวสานเกาะร้าง (ตอนที่ 39/105)

 

ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ


บทที่ 12   นครพันธุรัฐ เมืองคนทาส

(1) เชลย (ตอนที่ 40/105)
(2) ทาสใหม่ (ตอนที่ 41/105)
(3) นายหญิง เจ้าแห่งนครพันธุรัฐ (ตอนที่ 42/105)
(4) สถานภาพใหม่ของสังข์ (ตอนที่ 43/105)
(5) ความลับของนาเคนทร์ (ตอนที่ 44/105)

บทที่ 13   เทคโนโลยีล่องหน

(1) ห้องลับของนายหญิง (ตอนที่ 45/105)
(2) นวัตกรรมการอำพราง (ตอนที่ 46/105)
(3) เสน่ห์แห่งอำนาจ (ตอนที่ 47/105)
(4) ความลับที่ต่อรองกันได้ (ตอนที่ 48/105)

บทที่ 14   แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)

(1) แผนหลบหนี (ตอนที่ 49/105)
(2) ประตูแห่งอิสรภาพ (ตอนที่ 50/105)
(3) หนี (ตอนที่ 51/105)

บทที่ 15   เส้นทางที่พลัดพราก

(1) หมู่บ้านมนุษย์กินคน (ตอนที่ 52/105)
(2) พลายงาม เพื่อนร่วมทางคนใหม่ (ตอนที่ 53/105)
(3) นางพิม (ตอนที่ 54/105)
(4) เปลี่ยนร่างอำพรางหนี (ตอนที่ 55/105)

บทที่ 16   เมืองกาญจนา

(1) วัดส้ม เมืองกาญจนา (ตอนที่ 56/105)
(2) ธัมมะกับชีวิต (ตอนที่ 57/105)
(3) ไปพบย่าทอง (ตอนที่ 58/105)

บทที่ 17   บ้านของย่าทอง

(1) สายสัมพันธ์ย่าหลาน (ตอนที่ 59/105)
(2) ความสุขในเรือนทอง (ตอนที่ 60/105)
(3) ความสุข ความพอเพียง (ตอนที่ 61/105)

บทที่ 18   วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน

(1) วัยรัก วัยเรียน (ตอนที่ 62/105)
(2) ความรักที่ก่อตัว (ตอนที่ 63/105)
(3) แสงสีแห่งชนบทยามค่ำคืน (ตอนที่ 64/105)
(4) เรื่องวุ่นวาย ของวัยรุ่น (ตอนที่ 65/105)

บทที่ 19   ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น

(1) เส้นทางรัก โสนน้อย สร้อยมณี (ตอนที่ 66/105)
(2) บวชพลายงาม (ตอนที่ 67/105)
(3) ลางบอกเหตุ (ตอนที่ 68/105)
(4) ทางรัก ทางธรรม (ตอนที่ 69/105)

บทที่ 20   ตามหาเพื่อน

(1) ก้าวใหม่ของ นครพันธุรัฐ (ตอนที่ 70/105)
(2) รหัสสื่อสาร 213 ที่ยังจำกันได้ (ตอนที่ 71/105)
(3) นักบินฝึกหัด (ตอนที่ 72/105)

บทที่ 21   แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)

(1) เปิดฉากหนี (ตอนที่ 73/105)
(2) ปิดฉากทาสนรก (ตอนที่ 74/105)

 

ภาคที่ 3:   รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง


บทที่ 22   เดินทางไกล ไปตามฝัน

(1) สิงห์ดำ (ตอนที่ 75/105)
(2) เมืองแห่งความฝัน (ตอนที่ 76/105)

บทที่ 23   นครรัฐเทพนารา

(1) นรกบนเมืองสวรรค์ (ตอนที่ 77/105)
(2) สวรรค์ในเมืองนรก (ตอนที่ 78/105)
(3) บทเรียนของแพรวา (ตอนที่ 79/105)
(4) งานเลี้ยงที่มีวันเลิกลา (ตอนที่ 80/105)

บทที่ 24   ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร

(1) แดนคนเถื่อน (ตอนที่ 81/105)
(2) เพื่อนรัก (ตอนที่ 82/105)
(3) แดนคนดี (ตอนที่ 83/105)

บทที่ 25   ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ

(1) สวรรค์ลิขิต (ตอนที่ 84/105)
(2) ชีวิตจัดสรร (ตอนที่ 85/105)
(3) วิถีชีวิต วิถีชุมชน (ตอนที่ 86/105)
(4) คุณครูมือใหม่ (ตอนที่ 87/105)

บทที่ 26   สัมผัสแรก สัมผัสรัก

(1) เบื้องหลังของหญิงสาว (ตอนที่ 88/105)
(2) ประสบการณ์ที่มีค่า ของรจนารินี (ตอนที่ 89/105)
(3) ของสำคัญ ที่ต้องหาให้เจอ (ตอนที่ 90/105)

บทที่ 27   สังข์ทอง รจนา

(1) คืนร่างเดิม (ตอนที่ 91/105)
(2) ชีวิตใหม่ (ตอนที่ 92/105)
(3) ความหลัง ความรัก (ตอนที่ 93/105)

บทที่ 28   วิกฤตของนครรัฐ

(1) ปัญหาที่ยังตีบตัน (ตอนที่ 94/105)
(2) ตามหาคำตอบ (ตอนที่ 95/105)
(3) นักเล่านิทาน (ตอนที่ 96/105)

บทที่ 29   กู้วิกฤต

(1) สันติอรุณโมเดล (ตอนที่ 97/105)
(2) แผนกู้วิกฤต (ตอนที่ 98/105)
(3) วิกฤตรัก (ตอนที่ 99/105)

บทที่ 30   ฝันที่เป็นจริง

(1) แต่งกับงาน (ตอนที่ 100/105)
(2) การสังหารท่านผู้นำ (ตอนที่ 101/105)
(3) อำนาจใหม่ (ตอนที่ 102/105)
(4) พ่อแม่บุญธรรม (ตอนที่ 103/105)
(5) ฝันเป็นจริง (ตอนที่ 104/105)

 

ปัจฉิมบท -
งานเลี้ยง ย่อมมีวันเลิกลา (ตอนที่ 105/105 ปัจฉิมบท)

 

เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์

ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
เฝ้าใฝ่ฝัน ขอให้เป็นจริง
ความรัก ความกตัญญู เหนือกว่าทุกสิ่ง
แนบอกแม่อิง อุ่น ไอ รัก

ฝ่าอันตราย สิ่งเลวร้ายนานา
สู้อาสา แม้ยากยิ่งนัก
ความโหดร้าย ริษยา อ่อนล้าเหนื่อยหนัก
ต้องกล้าหาญหัก อุปสรรค สู้ทน

ภูติป่า อสูรร้าย เหตุการณ์ท้าทายให้สู้
ต้องยืนหยัดอยู่ กอบกู้ หมู่ประชาชน
เพื่อแม่ เพื่อรัก เพื่อความภักดี ต้องทน
ข้าขอผจญ มารร้าย พ่ายแพ้ไป

ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
คืนฝันวันหวัง ยังอยู่ในใจ
ความรัก ความหวัง คือพลังยิ่งใหญ่
โอ้แม่จ๋า แม่อยู่ไหน ลูกเหนื่อยเหลือเกิน.


 

focused thinking

หน้าแรก - ชุมชน คนคิดดีวรรณกรรม - วิชาการ - บทความ เรื่องสั้น ร้อยกรอง เพลงภาพยนตร์ - บทภาพยนตร์ ภาพยนตร์ตัวอย่าง วิดีโอ มิวสิควิดีโอ
นิเทศศาสตร์ - วิชาเรียน บรรยาย ตำรา เอกสารการเรียน สื่อการเรียน ถาม ตอบ

 


igood media copyright
 SUDIN CHAOHINFA, igoodmedia.net : Administration and Producer
Copyright © 2010-2021 intelligence good media homeschool.
All rights reserved. me@igoodmedia.net