ภาคที่ 1 บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร ตอนที่ 31 บนเรือโจรสลัด
เรือยังคงแล่นต่อไปช้าๆ ท่ามกลางทัศนวิสัยแย่ๆ ที่ปกคลุมไปด้วยหมอก และอุณหภูมิค่อนข้างหนาวเย็น. แผนที่ และเข็มทิศ ไม่มีประโยชน์ จะพึ่งพาดวงดาวบนท้องฟ้า ก็สิ้นหวัง. ราวกับมีอำนาจของปีศาจแห่งท้องทะเล สร้างบรรยากาศอึมครึม ปกคลุม และปิดกั้น ไม่ให้คณะเดินทาง มองเห็นอนาคต.
คำถามของ สุดสาคร ไม่มีคำตอบ และไม่มีใครกล้าตอบ. ทุกคนตกอยู่ในห้วง ปริศนาประหลาด ความวิตกกังวล เริ่มมาเยือนอีกครั้ง. สังข์ ยกกล้องขึ้น ส่องออกไปข้างหน้า เพ่งดูอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังบอกไม่ได้ คงต้องรอให้เรือ แล่นเข้าไปใกล้มากกว่านี้. สินสมุทร พยายาม เพ่งมองด้วยตาเปล่า ไกลออกไป คาดคะเนระยะห่าง จากกาบเรือข้างขวา เยื้องไปด้านหน้าของเรือ, ถ้าหมอกไม่เป็นอุปสรรค ก็คงจะมองเห็น สิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ได้ชัดเจนกว่านี้.
เรือของพวกเด็กๆ กำลังแล่นเข้าไปหาสิ่งลึกลับนั่น. พวกเขาก็ไม่ต้องรอนาน ร่างของมันเริ่มปรากฏให้เห็นลางๆ, มันดูเหมือนสิ่งปลูกสร้างกลางทะเล ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร. ยิ่งเรือแล่นเข้าไปใกล้, มันยังตั้งนิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหว เผยให้เห็นร่างสูงทะมึน.
เมื่อเข้าไปใกล้ ในระยะที่กล้องส่องเห็นชัดเจน นั่นเรือสำเภาจริงๆ ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันเก่าแก่โบราณเกินไป, สังข์ มีสังหรณ์ไม่ดี พวกเขากำลังเดินหน้า เข้าไปหาเรือปีศาจมรณะ จึงตะโกนสั่งเสียงดังลั่น.
ความโกลาหล เข้ามาครอบงำอีกครั้ง, แต่คราวนี้ ไม่นานเหมือนเมื่อครั้งก่อน. เพชร กับ บ่าวหลา ลดใบเรือลงจนสุด เพื่อไม่ให้ต้านแรงลม. สุดสาคร ลงไปสตาร์ทเครื่อง สองสามครั้งก็ติด และรอฟังคำสั่ง. เอื้อย กับ โสนน้อย ระวังภัยอยู่ด้านหลังของ สังข์ และรอฟังคำสั่ง.
เสียงเครื่องยนต์ คงดังไปถึงเรือปีศาจนั่นแล้ว. เมื่อเรือสำเภายนต์ เบนหัวไปได้ครึ่งทาง เรือสำเภายักษ์ก็เริ่มเคลื่อนไหว. นาทีระทึกเช่นนี้ พวกเด็กๆ จะช้ารีรออีกไม่ได้แล้ว, ทุกคนเร่งมือสุดกำลัง โดยไม่หันไปมองข้างหลัง. ... เสียง ฮึย!ๆ ของกลุ่มคนไล่หลังตามมาแต่ไกล. พวกเด็กๆ ก็อดหันไปมองไม่ได้ และมันก็เป็นไปตามที่คาด. มีเรือขนาดเล็กจำนวนหนึ่ง ซึ่งพอจะคาดคะเนขนาดของมัน ดูเล็กกว่าเรือของพวกเด็กๆ ครึ่งหนึ่ง, กำลังแล่นตามมาห่างๆ.
สังข์ ใช้กล้องส่องดู อะไรกันนั่้น!
สังข์ คว้าลังกระสุนมาไว้ใกล้ัตัว เข้าประจำการที่ปืนบนหัวเรือ. สินสมุทร บังคับหัวเรือเข้าหาศัตรู ประคองเรือให้อยู่กับที่. เอื้อย และ โสนน้อย เตรียมหน้าไม้ และลูกดอก สุดสาคร ขึ้นมาช่วยอีกแรง. เพชรกับบ่าวหลา คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ขอให้สั่งมา ยินดีปฏิบัติตาม. ตอนนี้ ไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือเด็ก ก็ตกอยู่ในสถานะเท่ากัน ทุกคนบนเรือ ไม่มีใครมีข้อมูลเกี่ยวกับศัตรูนั่นเลย. แค่รอฟังคำสั่ง เท่านั้น.
เรือลำแรกของศัตรู ทะยอยยิงลูกธนู ราวสิบดอก เข้าหาเรือเป้าหมาย. พวกเด็กๆ หลบเข้าที่กำบัง. ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ จนกระทั่ง ศรัตรู ระดมยิงลูกธนูมาอีกเป็นชุดที่สอง. คงรอตั้งรับแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้ อาจจะมีสมาชิกสักคนบนเรือ ถูกลูกธนูตอนไหนก็ได้. สังข์ บรรจุกระสุนเข้ารังเพลิง เล็งไปที่เรือของพวกโจร. เมื่อได้ระยะยิง เหนี่ยวไกปืน. ปัง! ๆๆๆๆๆๆ ยิงใส่พวกมันไปชุดหนึ่ง 20 นัด. เรือของศัตรู หยุดอยู่กับที่ อีกสองลำ โผล่มาอีก. สังข์ ก็ยิงสาดกระสุนใส่อีกชุด คราวนี้ มันเงียบหายไป. นาทีระทึกใจ ผ่านไปครู่ใหญ่, สังข์ ยกกล้องขึ้นส่องดูไปรอบๆ.
ยังไม่ทันจะมีคำสั่งใดๆ ออกมาจากต้นหนเรือ, พวกเด็กๆ มองเห็นแสงสว่างวาบ เหมือนพลุถูกจุด ที่เรือสำเภายักษ์. มันแว่บที่นั้น แต่มันพาลูกกระสุนดินดำ มาหล่นที่ข้างกาบขวาของเรือสำเภาเล็ก.
คราวนี้ ลงข้างซ้ายกาบเรือ, แม้ว่ากระสุนนี่จะดูโบราณไปหน่อย แต่ก็มีโอกาสถูกถล่มเข้าสักลูก มีหวังได้จมทะเลกันคราวนี้แน่. สินสมุทร ตัดสินใจตามที่ บ่าวหลา บอก, บังคับหัวเรือ เบนห่างออกไปจากที่นั้น หนีไปให้พ้น ระยะกระสุนปืนใหญ่ ของพวกโจรสลัด ให้ได้ก่อน. แต่คิดช้าไป ... เรือลำแม่ของพวกมัน เคลื่อนเข้ามาใกล้เกินไป จะเร่งเครื่องอย่างไร ก็คงหนีไม่พ้นแน่. เหมือนปลาเล็ก กำลังจะว่ายหนี การตามล่าของปลาใหญ่. แต่ อะไรกันอีกล่ะนี่! สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า สำเภายักษ์ กำลังรอพวกเขาอยู่อีกด้าน, การหนีคราวนี้ ดูเหมือนไม่ต่างกับ การหนีเสือปะจระเข้.
มันคือบริเวณที่มีน้ำทะเลหมุนวน, ถ้ามีเรือ หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดหลุดเข้าไป ใกล้ศูนย์กลางมรณะนั่น ก็คงถูกดูดลงไปอย่างแน่นอน. และมันมีขนาดใหญ่มากเสียด้วย. ถ้าดูตามสถานการณ์นี้แล้ว เรือของพวกเด็กๆ คงไม่รอดพ้นจากแรงดูดของมันไปได้. สุดสาคร เร่งเครื่องยนต์สุดกำลัง เพื่อพาเรือไปให้ห่าง รัศมีดึงดูดของมัน. สินสมุทร พยายามบังคับหัวเรือ ไปให้พ้นแรงดูดของน้ำวน. กระสุนปืนใหญ่ของพวกโจรสลัด ก็ระดมยิงเข้ามา ไม่ขาดระยะ. โชคดีที่ไม่โดนเป้า มันหล่นตูมข้างซ้ายที ข้างขวาที สลับกันไปมา. สังข์ วิเคราะห์วิถีกระสุน, เขารู้สึกว่า มันเหมือนมีเจตนาบางอย่าง ที่จะยิงไม่ให้ถูกเรือ. พวกโจรนั่น มันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่, เรือใหญ่ของพวกโจรสลัด ก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ. ขณะที่ เรือพวกเด็กๆ กำลังจะถูกดูดลงไปที่ก้นทะเล อีกไม่กี่นาทีนี่แล้ว. ความลังเล ความวิตกกังวล ครอบงำทุกคน จนสุดประมาณ.
สังข์ ตัดสินใจ บรรจุกระสุน เข้ารังเพลิงอีกครั้ง, กดไกปืน ยิงใส่เรือใหญ่ อีกสองสามชุด อย่างบ้าคลั่ง ปัง! ปัง! ปัง! ... แต่ไม่ได้ผล เรือโคลงเคลงไปมา ตามแรงหมุนของน้ำวน ฐานยิงไม่มั่นคง กระสุนพลาดเป้าไปหมด.
การเข้าไปขัดจังหวะของ เอื้อย เรียกสติของเขา คืนมา และมันก็ได้ผล. ช่วงนาทีแห่งความเป็นความตาย มีวัตถุสิ่งหนึ่ง คล้ายหัวสมอเรือ แต่เล็กกว่ามาก ถูกยิงมาจากเรือสำเภาใหญ่ มาตกที่ข้างกาบเรือ. และก็มีอีก 3 อัน ถูกยิงไล่หลังตามมา หัวสมอถูกดึงครูด ไปติดกับกาบเรือสำเภาเล็ก. นี่มันเกิดอะไรขึ้น เรือของพวกเด็กๆ ถูกดึงรั้ง สู้กับแรงดูดของหลุึมน้ำทะเล. แม้จะได้ชื่อว่า โดว์ ดาบแห่งท้องทะเล แต่นั่นมันก็แค่ชื่อเรือรบ ขาดเล็กจิ๋ว เมื่อเทียบกับ ขนาดของหลุมดำแห่งท้องทะเล มันก็แค่มดตัวหนึ่ง ที่กำลังจะถูกดูดลงไปในท่อน้ำไหล. แต่สิ่งอัศจรรย์ ก็เกิดขึ้นได้ โดยไม่มีใครคาดคิด. เรือสำเภายนต์ของพวกเด็กๆ ถูกดึงออกมา จนพ้นแรงดูดของน้ำวน พร้อมกับเหล่าสมุนโจรสลัด ซึ่งมันมาจากไหนไม่รู้. พวกโจรนั่น พากันกรูกันขึ้นมา บนเรือยนต์ของพวกเขา. เด็กๆ คิดจะต่อสู้ แต่พิจารณาดูแล้ว ก็ต้องหยุดชะงัก. แต่ละคนร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์. สินสมุทร ที่ว่าตัวโตกว่าเพื่อนๆ ยังดูสูงเลยเอวของพวกมันไปนิดเดียว. สินสมุทร ขยิบตา ส่งสัญญาณ ให้เพื่อนๆ วางอาวุธ ยอมแพ้.
สมุนโจรคนหนึ่ง แบกถุงใส่สัมภาระติดตัวของเชลย ซึ่งใส่รวมกันไว้ในถุงเดียว โยนโครมลงไป ข้างๆ กลุ่มเชลย. ท่ามกลางสายตาเหล่าโจรสลัด ที่รุมล้อมจับจ้องมาที่เชลย เหมือนเป็นของประหลาด สำหรับพวกมัน. บางคนหัวเราะชอบใจ เสียงดังลั่น. เด็กๆ ดูแล้วไม่เห็นจะขำตรงไหนเลย.
สังข์ สังเกตไปรอบๆ, มันช่างเป็นเรือสำเภาโบราณ ที่มีขนาดใหญ่โตจริงๆ. มีเสากระโดงเรือ 5 ต้น ตัวเรือแบ่งออกเป็น 3 ชั้น. ชั้นที่พวกเด็กๆ ถูกจับมา เป็นชั้นบนสุด. มันช่างน่าอัศจรรย์ ที่ยังมีเรือพวกนี้ แล่นอยู่ในทะเลอีกรึนี่. แล้วโจรพวกนี้ มันคนยุคไหนกัน ยังใช้ปืนลูกกระสุนดินดำอยู่เลย. สังเกตด้วยสายตาคร่าวๆ พวกสมุนโจร มีประมาณ 100 คน. ต่างพากันนั่งบ้าง ยืนบ้าง ล้อมเป็นกลุ่มก้อน คละกันแบบไร้ระเบียบ.
ไม่นาน ก็มีโจรผู้หนึ่ง หน้าตาเหี้ยมเกรียมกว่าทุกคน ดูเหมือนจะมีรูปร่างเตี้ยกว่าโจรคนอื่นๆ เล็กน้อย. สวมหมวกปีกสีน้ำตาลดำ หนวดใต้จมูก ถูกตกแต่งอย่างดี ปลายทั้งสองข้างแหลมเปี๊ยบ งอนรับแก้มทั้งสองข้างพอดี เดินออกมาจากประตูห้อง ที่อยู่ตรงกลางลำเรือ.
โจรหน้าเหี้ยมเกรียม เดินมาหยุดยืนอยู่กลางวงล้อม. เขายืนพูดด้วยภาษาของพวกเขา ที่พวกเด็กๆ ฟังไม่รู้เรื่อง. ทุกครั้งที่เขาหยุดพูด ก็จะมีเสียงเฮ และหัวเราะดังขึ้น เป็นระยะ.
สินสมุทร กระซิบบอกเพื่อนๆ. สุดสาคร ทำหน้าฉงน เท่าที่เขาฟังจากพวกผู้ใหญ่ จะเล่าถึงหัวหน้าโจรสลัด ก็เหมือนอย่างที่เอื้อย เข้าใจนั่นแหละ คือมีตาข้างเดียว ไม่ข้างขวาก็ข้างซ้าย จะถูกปิดไว้ด้วยแผ่นหนังสัตว์ มีปลายเชือกทั้งสองข้าง รัดไว้ที่หัว มีมือข้างหนึ่งเป็นตะขอ หรือมีขาจริงข้างเดียว อีกข้างเป็นขาปลอม อะไรทำนองนั้น, แต่นี่ไม่ใช่ เขาเป็นคนที่สมบูรณ์ทุกอย่าง.
หัวหน้าโจร ชี้มาที่เชลย แล้วก็ชี้ไปที่เรือสำเภายนต์ ที่ปล้นมาได้ ก็ยิ่งสร้างอารมณ์ขัน ให้กับพวกมันมากขึ้น. จบการปราศรัย พวกลูกสมุนโจร ก็พากันแยกย้ายเข้าประจำที่ เพื่อออกเดินเรือต่อไป.
สังข์ สินสมุทร สังเกตเห็นว่า เรือสำเภายนต์ของพวกเขา ถูกลากพ่วงไว้ที่ท้ายเรือสำเภาใหญ่ ทุกอย่างดูเป็นปกติ เรือไม่ได้เสียหายอะไร.
สักครู่ มีสมุนโจรคนหนึ่ง เดินตรงมาที่กรงประตู. สินสมุทร จำได้ว่า คือคนที่แบกถุงสัมภาระ ที่ยึดไปจากพวกเขานั่นแหละ. เขาถามพวกเด็กๆ พร้อมกับทำภาษามือ มีความหมายว่า ใครพอจะขึ้นไปข้างบนได้บ้าง. สินสมุทร กับ สังข์ บอกขอออกไปสองคน. เขายอมตกลง, เอากุญแจไข เปิดประตู แล้วคุมตัว เชลยสองคน แบบไม่เข้มงวดมากนัก พาขึ้นไปข้างบนดาดฟ้า.
ข้างบนนี่ อากาศเย็นและมืด, คบเพลิงถูกจุดขึ้น จนสว่างไปทั่วบริเวณ. พวกสมุนโจรราว 30 คน นั่งล้อมดูวัตถุประหลาด ที่อยู่ตรงกลาง. สังข์ กับ สินสมุทร สบตากัน แล้วเดินเข้าไปใกล้อีกนิด. วัตถุประหลาดในสายตาของพวกโจร ก็คือปืนประจำเรือของพวกเขานั่นเอง, มันถูกรื้อ และขนขึ้นมาข้างบน พร้อมเครื่องกระสุน ซึ่งก็มีอยู่หีบเดียว. พวกมันคงไม่รู้ว่า ปืนนั่น มันมีอานุภาพแค่ไหน. แม้จะรู้ แต่พวกมันอาจไม่รู้วิธีใช้ก็ได้. นับว่าอันตรายไม่น้อย, ถ้าเกิดบังเอิญไปปลดปุ่มห้ามยิง แล้วกดไกปืน มีหวังได้มีคนตายกันแน่คืนนี้.
หัวหน้าโจร ทำมือเชิญชวน ให้เข้าไปใกล้ๆ. เขาไม่แสดงทีท่าจะกลัวเลยว่า เชลยอาจจะชิงปืนนี่หนีไปได้. เขาคิดถูกแล้วละ พวกเด็กๆ คงไม่คิดหนีตอนนี้หรอก เพราะถึงยังไงก็หนีไม่รอดอยู่แล้ว. สังข์ กับ สินสมุทร ขยับเข้าไปใกล้ๆ ลูกสมุนที่นั่งขวางทางอยู่ ต่างก็หลีกทางให้ เพราะเป็นคำสั่งของหัวหน้า.
สังข์ คาดเดาคำถามของหัวหน้าโจร ได้ไม่ยาก. เขาอยากจะให้ลองใช้ปืนนั่นดู. สังข์ สังเกตว่าลูกกระสุนยังอยู่ในรังเพลิง พร้อมจะปล่อยกระสุนออกไปได้ทุกเมื่อ. นับว่าโชคดีมากๆ ที่พวกโจรไม่ไปโดนไกปืน ในระหว่างรื้อถอน และยกมาที่บนเรือนี่. เพื่อนรักทั้งสอง เผชิญหน้ากับหัวหน้าโจรสลัด แบบประชิดตัว ยังไม่ได้ตกลงอะไรกันเลย. สินสมุทร คิดในใจว่า เพื่อนรัก คงจะไม่ฉวยโอกาส ยึดเรือพวกโจรเป็นแน่. ซึ่งถ้าจะทำ ก็ทำได้ไม่ยาก เพราะแค่ลั่นไกปืนใส่หัวหน้าโจร พวกสมุนโจรก็จะยอมจำนน. สังข์ สบตาเพื่อนเหมือนเข้าใจ, หากทำอะไรบุ่มบ่ามใจร้อนตอนนี้ อาจพลาดตายกันหมด เพราะพวกโจรมีจำนวนมากกว่า ทั้งเหี้ยมทั้งโหด.
สังข์ ปลดลูกกระสุนออกจากรังเพลิงก่อน แล้วจึงชี้บอกว่า ให้เอาตัวกระบอกปืน ไปยึดติดไว้ในที่มั่นคงกว่านี้. หัวหน้าโจรก็เข้าใจ สั่งให้สมุนโจร ทำตามที่สังข์บอก. สมุนโจร คนเดิม ยกปืนพร้อมขา ตั้งไปวางบนแท่นไม้ หน้ากองบัญชาการของกัปตัน, ตีตะปูยึดขาไว้ให้แน่นหนา. สังข์ ถูกเลือกให้ขึ้นไปบนแท่นไม้ พร้อมกับหัวหน้าโจร.
หัวหน้าโจรสลัด กระซิบบอกพร้อมทำภาษีมือว่า ลองยิงให้ดูก่อน. สังข์ บรรจุกระสุนเข้ารังเพลิง ... ปัง! ยิงออกไปหนึ่งนัด เสียงเล็กแหลมของปืน ต่างจากเสียงปืนใหญ่ของพวกเขา ทำเอาพวกสมุนโจร นั่งหลบกันเป็นแถว. พอเสียงปืนหายไป ก็กลับยืนขึ้นมาใหม่. คราวนี้ สังข์ ยิงแบบอัตโนมัติออกไปเป็นชุด 10 นัด. ไม่อยากจะให้สิ้นเปลืองกระสุน โดยไม่จำเป็น.
หัวหน้าโจรหัวเราะชอบใจ ขอลองยิงบ้าง. เขายิงไปเป็นชุดราว 50 นัด. หากปล่อยให้ยิงเล่นกันเพลินแบบนี้ มีหวังกระสุนหมดแน่, สังข์ จึงสะกิดที่แขน ให้หัวหน้าโจรหยุดยิง. หัวหน้าโจรพอใจมาก และรู้สึกว่ามนุษย์ตัวเล็กๆ สองคนนี่ เหมือนของเล่น เก็บไว้ยังพอมีประโยชน์อยู่, สั่งให้พวกสมุน กลับไปนอนเอาแรง และปล่อยให้เชลยตัวเล็ก กลับไปที่เดิม. หัวหน้าโจรสลัด รู้สึกดีขึ้น สั่งให้เอาอาหารชั้นดีขึ้นมาอีกหน่อย มาเลี้ยงถึงในห้อง. แต่ก็ยังไม่ไว้ใจเสียทีเดียวนัก ที่จะปล่อยให้อยู่ข้างนอก ตามลำพัง.
เสียงเอะอะโกลาหลข้างบน ปลุกให้ทุกคนตื่น. อยู่ข้างล่างนี้ ไม่รู้วันเวลา กลางวันหรือกลางคืน อาจจะสว่างแล้วก็ได้ เพราะฟังจากเสียงเอะอะข้างบน. สินสมุทร รู้สึกว่า ข้างบนอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็ได้ คล้ายมีเสียงต่อสู้กัน.
เสียงปืนดังขึ้นทีละนัด ราว 20 นัด.
สักพักเสียงปืนก็ดังขึ้นอีก คราวนี้มันถูกยิงออกเป็นชุด ราว 2 3 ชุด แล้วก็เงียบหายไป. แต่เสียงต่อสู้ยังมีอยู่ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่. พวกเด็กๆ สงสัยได้ไม่นาน, โจรตัวอ้วนเตี้ย คนที่เคยเอาอาหารมาให้ในวันแรก ลงมาข้างล่างด้วยอาการตื่นตระหนก พร้อมหิ้วลากถุงใบใหญ่ ลงมาพร้อมด้วย ใช้มีดฟันกุญแจห้องขังจนขาด แล้วโยนถุงใบใหญ่ให้พวกเด็กๆ พร้อมกับกวักมือให้ออกไปจากห้อง. ข้างบนคงเกิดเรื่องไม่ดีแน่.
ไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น. สิ่งแรกที่ต้องทำตอนนี้ คือ เปิดถุงออก คว้าเอาสิ่งของ ของแต่ละคนออกมา. ในเวลาอันรวดเร็ว ทุกอย่างทุกคนพร้อมแล้ว ก็ตามโจรร่างอ้วนคนนั้น ขึ้นไปข้างบน ... อะไรกันนี่! ใครปฏิวัติใครกันแน่.
ข้างบนนี่ ดูชุลมุนวุ่นวาย, ตอนนี้ ต้องประเมินสถานการณ์ก่อน ว่าจะตัดสินใจ ทำอย่างไรกันดี. สังข์ มองไปที่แท่นบัญชาการ ที่มีปืนติดตั้งอยู่ เห็นหัวหน้าโจรสลัด ถูกมีดเสียบที่ข้างหลัง เขาคงถูกโจรอีกพวก ซัดมีดเข้าใส่ ขณะยิงปืนใส่ศัตรู. ไม่นาน ก็มีสมุนโจรอีกคน ฝ่าคมดาบศัตรู ลากเอาตัวหัวหน้าหลบไปทางอื่น. ในระหว่างการต่อสู้ชุลมุน พวกเด็กๆ บ่าวหลา และ เพชร ต่างหลบหลีก ซ่อนตัว หลีกเลี่ยงการปะทะไปก่อน เพราะตอนนี้ ต้องแยกแยะฝ่ายของพวกโจร ให้ได้ก่อน. สังข์ ถือโอกาสวิ่งขึ้นไป บนแท่นบัญชาการ เช็คกระสุนปืน. เอื้อย กับ โสนน้อย คอยระวังหลังให้เพื่อน โดยไม่ต้องนัดหมาย.
หลังสงครามย่อยๆ สิ้นสุดลง คนที่ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าโจร สั่งเคลียร์พื้นที่ สำรวจความเสียหาย และนับจำนวนพลที่เหลือ แล้วไปรายงานให้หัวหน้า. ฝ่ายถูกบุกรุก ตายไปเล็กน้อย ส่วนฝ่ายบุกรุก ตายเกินครึ่ง. ชีวิตของพวกโจรสลัด ย่อมพบเจอกับปัญหาแบบนี้ อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ฝ่ายตนไปปล้นเขามา สักวันก็ต้องถูกปล้นเอาคืนบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติของวิถีโจรในท้องทะเล. การสู้รับครั้งนี้ ถือว่ายังรักษาเรือไว้ได้ สูญเสียไม่มาก. หลังเสร็จศึกครั้งนี้ สร้างความพอใจให้แก่หัวหน้าโจรสลัดไม่น้อย.
ต่อจากนี้ ชีวิตของนักผจญภัยรุ่นเยาว์ ทั้ง 5 คน และกลาสีที่เป็นผู้ใหญ่ อีก 2 คน ถูกเปลี่ยนสถานะจากเชลย เป็นสหายรักสหายโปรด ของหัวหน้าโจรสลัด ไปตามความคาดหมาย. ที่หลับที่นอน อาหารการกิน ก็สะดวกทุกอย่าง แม้จะพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ภาษาใบ้และการเดาใจ ก็ไม่เป็นอุปสรรค.
ใกล้ค่ำของคืนวันหนึ่ง ขณะที่เด็กทั้ง 5 คน นั่งจับเจ่ากัน มองทะเลที่เวิ้งว้างไร้แผ่นดิน หัวหน้าโจรสลัด เดินมาทักทาย และถามว่าพวกเด็กต้องการอะไร เขาจะจัดหาให้. สินสมุทร เป็นตัวแทน สื่อสารแทนเพื่อนๆ ว่า ต้องการตามหาพ่อกับแม่ ที่พลัดหลงทะเลมา และต้องการขึ้นบก ที่ไหนก็ได้สุดแล้วแต่จะเจอแผ่นดิน. หัวหน้าโจร มองหน้าเด็กๆ แล้วพยักหน้ารับ สิ่งที่สหายตัวน้อยต้องการ.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|