ภาคที่ 3 บทที่ 22 เดินทางไกล ไปตามฝัน ตอนที่ 76 เมืองแห่งความฝัน
เอื้อย โสนน้อย และ สิงห์ดำ เดินพ้นจากเนินเตี้ยๆ ลงมาที่ถนน ดูมันทั้งเก่า ทรุดโทรม และค่อนข้างแคบ. พวกเขานั่งรอรถที่ศาลาริมทาง อยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมง. พอดีมีรถบรรทุกเล็ก สภาพเก่าเฒ่าชราคันหนึ่ง วิ่งผ่านมา. พวกเขาจึงโบกมือ ขออาศัยโดยสารไปด้วย. เจ้าของรถใจดี อนุญาตให้พวกเขานั่งไปบนรถด้วย. จนถึงถนนใหญ่ ในเวลาบ่ายแก่ๆ.
ระหว่างนั่งรอรถโดยสารเข้าเมือง สิงห์ สังเกตรถบรรทุกคันหนึ่ง จอดห่างออกไปจากที่พวกเขานั่งอยู่. มันจอดอยู่ที่นั่นนาน เหมือนกำลังรอใครสักคน. การเดินทางไกล ถ้าอาศัยโชคช่วยบ้าง ก็อาจทำให้ไม่ต้องเสียเวลา. พวกเขาพากันเดินเข้าไปดูใกล้ๆ, มันเป็นรถบรรทุกคันใหญ่มี 2 ตอน ตอนแรกเป็นหัวรถลาก ตอนหลังเป็นตู้สินค้า. พวกเขาไม่อยากรู้หรอกว่า รถนี่บรรทุกอะไรมา เพียงแค่จะมาขออาศัยเดินทางไปด้วยเท่านั้น.
เขาเป็นชายร่างอ้วนท้วม สวมกางเกงยีนส์ ใส่เสื้อยืดสีดำ และหมวกแก็ปบนหัว อายุก็สักราวๆ 50 ปี ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนขับรถคันนี้.
เขายืนมองดูเด็กหนุ่มสาวทั้งสามคน ครู่หนึ่ง, คิดว่าคงเป็นนักเดินทางไกล เพราะมีกระเป๋าสัมภาระกันคนละใบ. คงไม่ใช่คนร้าย หรือตำรวจ. ผู้หญิงสองคน กับผู้ชายคนหนึ่ง คงพอรับไหว.
เขาอนุญาตให้ผู้โดยสารแปลกหน้า ขึ้นไปนั่งรวมกับเขา. แปลกตรงที่ เขาขับรถมาคนเดียว จึงมีที่นั่งว่างพอ สำหรับเพื่อนเดินทางถึง 3 คน.
โสนน้อย ถามบ้าง และก็คิดว่า ในสมาิชิกทั้งสามคน คงจะไม่มีใครรู้จักชื่อเมืองนี้มาก่อนแน่ๆ.
การเดินทางเป็นไปด้วยความล่าช้า เพราะมีคนขับเพียงคนเดียว ต้องจอดแวะพักบ่อยๆ แต่ก็สร้างสัมพันธภาพที่ดี ระหว่างผู้โดยสารกับคนขับรถ. เวลาผ่านไปหนึ่งคืนกับค่อนวัน ผ่านด่านตรวจไปแล้ว 2 ด่าน. สิงห์ สังเกต ทุกครั้งที่ผ่านด่านตรวจ เขาจะมีสีหน้าไม่สบายใจ. ที่ด่านสุดท้ายก่อนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ค่อนข้างตรวจละเอียด จึงใช้เวลานานกว่าปกติ. คนขับรถรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย ราวกับว่าในตัวรถบรรทุก มีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่. แต่ในที่สุดก็ผ่านไปได้, เขาขับรถออกไป นิ่งเงียบอยู่นาน ไม่ยอมพูดจาอะไร เหมือนว่าเขากำลังมีความหนักใจบางเรื่องอยู่.
สิงห์ อดถามไม่ได้ และก็เป็นคำถาม ที่ทำให้บรรยากาศมิตรภาพ ขุ่นมัวเล็กน้อย. ลุงคนขับรถ รู้สึกไม่สบายใจ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป. สิงห์ คิดว่าถ้าเขาไม่พอใจ จะไล่ผู้โดยสารลงก็คงไม่ว่าอะไร เพราะตอนนี้ก็ถึงเมืองใหญ่แล้ว.
เวลาผ่านไป คำถามของ สิงห์ดำ ก็ยังไม่ได้รับความกระจ่าง เพราะถือว่าเป็นสาระสำคัญ ที่เจ้าของรถสมควรจะบอกผู้โดยสารหรือไม่ และผู้โดยสาร ก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่า ในตู้สินค้าที่บรรทุกมา คืออะไร. เพราะถ้าเป็นสิ่งผิดกฏหมาย พวกเธอก็อาจจะมีส่วน สมรู้ร่วมคิดทำผิดด้วยก็ได้. และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง พวกเขาทั้งสามคน คงจะไม่ร่วมเดินทางไปด้วยแน่. แต่เมื่อนึกถึงมิตรภาพ ที่ดีต่อกันมาตลอดเส้นทาง, สิงห์ ส่งสายตากับเพื่อนสาว ในทำนองว่า ให้ดูๆ กันไปก่อน, อาจจะไม่ใ่ช่สิ่งที่เราคิดก็ได้.
รถวิ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ ผ่านชานเมืองรอบนอก อันแสนรกรุงรังไปด้วยขยะ เศษซากของใช้แล้ว ดูไม่น่ารื่นรมย์แต่อย่างใดเลย. จนกระทั่งมาถึงทางแยกจากถนนใหญ่ เป็นถนนรอง, เขาขับรถเลี้ยวแล่นไป บนถนนรอง จนกระทั่งถึงชุมชนเคหะเก่าแก่ ในเวลาใกล้ค่ำ. รถค่อยๆ วิ่ง ลากตู้สินค้า มาถึงปากทาง แยกเข้าไปข้างในชุมชน.
สถานที่แบบนี้ ไม่น่าจะเป็นแหล่งที่อาศัยของคน, เพราะนอกจากดูไม่น่ารื่นรมย์แล้ว ยังมีสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตร ต่อผู้อยู่อาศัย. เท่าที่ยังพอสังเกตได้ในตอนนี้ ดูสกปรกรกเรอะ เฉอะแฉะ กลิ่นก็เหม็น ถนนหนทางก็ไม่น่าจะเหยียบย่างเข้าไป ถ้าไม่เจอพวกหนู ก็คงพวกแมงสาบ หรืองู. นี่ถ้าไม่มีป้ายชื่อชุมชนบอกไว้ ก็อาจเข้าใจผิดได้ว่า ที่นี่อาจเป็นสุสานอะไรสักอย่าง.
เมื่อรถเคลื่อนมาถึงตรงปลายทางแยก เขาหยุดรถ.
สิงห์ กล่าวขอบคุณ และกำลังจะลงจากรถ แต่เขาสังเกตเห็น สิ่งผิดปกติข้างหน้า จึงถามต่อ.
เขาชี้ไปที่บ้านหลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ใจกลางห้องแถว ซึ่งขนาบอยู่ทั้งสองข้าง แต่ดูเหมือนอู่ซ่อมรถมากกว่า.
ลุงคนขับรถ บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่เขาค่อยๆ ลงจากรถ เดินเข้าไปดูใกล้ๆ.
เมื่อสัปดาห์ก่อน มันยังมีสภาพดีๆ อยู่เลย. อาคารที่ไม่น่าจะเรียกว่าบ้าน หลังนี้ เป็นอู่ซ่อมรถ และบ้านพักในเวลาเดียวกัน. แม้ดูเก่าไปหน่อย แต่ตอนนี้สภาพมันพังยับเยิน. กำแพงถูกทุบ ประตูถูกงัดแงะจนพัง. หลังคาเปิดเปิง ข้าวของมีร่องรอยถูกรื้อค้น. อุปกรณ์ซ่อมแซมรถ ถูกขโมยไปจนเกือบหมด.
เขารำพึงกับตัวเองได้ไม่นาน ก็มีกลุ่มคนร้าย 3 คน วิ่งกรูกันเข้ามา เอาเหล็กตีที่หลังของเขาหลายครั้ง จนล้มฟุบลงไป.
เอื้อย กับ โสนน้อย รู้สึกตกใจเล็กน้อย. พวกเธอทำใจไว้ล่วงหน้าแล้ว กับสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตร ของที่นี่ แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์เลวร้าย เร็วขนาดนี้. สิงห์ มองดูที่กระจกหลังรถ เห็นกลุ่มคนกำลังเคลื่อนไหว มาทางเขา. คนพวกนี้ ไม่ใช่มาดีแน่ แต่ก็ยังไม่รู้วัตถุประสงค์แท้จริงของพวกเขา. ในสถานการณ์แบบนี้ ต้องประเมินไว้ก่อนว่า คนพวกนี้ เป็นคนร้าย. พวกเขามากัน ราว 20 คน, วิ่งตรงมาที่ด้านหลังของรถ.
สิงห์ รีบกระซิบบอกสาวๆ.
เอื้อย รีบคว้าข้อมือของเพื่อน พากันวิ่งออกไปด้านข้างรถ. แผนคร่าวๆ คือ ล่อให้พวกคนร้ายตามไปจนหลงทาง, กะว่าพอพ้นระยะสายตา ก็เลี้ยววกไปทางถนนทางเข้าชุมชนเคหะอีกครั้ง. สิงห์ คอยรั้งท้าย. แต่คนร้าย 2 คน ตามมาทัน. เขาจึงต้องคอยถ่วงเวลา ให้พวกสาวๆ หนีไปให้ไกลกว่านี้. คนพวกนั้นส่วนใหญ่ มัวสนใจแต่ของในตู้สินค้า. พวกเขาต่างพากันทั้งทุบทั้งแงะตู้สินค้า.
ตอนนี้ สิงห์ ไม่อยากรู้ต่อไปอีกแล้วว่า ในตู้นั้นมันมีอะไร. อาศัยความคล่องตัวกว่า หลบหลีกอาวุธของพวกหัวขโมย ซึ่งไม่มีอะไรร้ายแรงมากไปกว่า พวกท่อนเหล็ก ท่อนไม้ หรือไม่ก็มีดสั้น. คนพวกนี้ ทั้งเหม็นทั้งสกปรก หนวดเครารกรุงรัง.
สิงห์ มีโอกาสสัมผัสกับพวกขโมยจรจัด ได้เพียงเท่านี้ และมองไม่เห็นเพื่อนสาวสองคนแล้ว. พวกเธอคงไปไกลพ้นระยะอันตรายแล้ว. เขาจึงออกวิ่งหนีไปให้พ้นจากที่นั่น. คนร้าย 2 คนเดิม วิ่งไล่กวดตามพักหนึ่ง. คงเห็นว่าคงไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะวิ่งไล่ตาม. สู้ไปช่วยพรรคพวก รื้อขนในสิ่งที่พวกเขาต้องการจะดีกว่า.
...
ยามค่ำคืน บนพื้นราบสูง เอื้อย โสนน้อย และ สิงห์ รอดพ้นอันตรายมาได้สักพัก พวกเขาก็มายืนอยู่ ณ จุดที่น่าจะสูงที่สุดของเมือง. เมื่อมองออกไปไกลสุดสายตา ทิวทัศน์ข้างหน้า เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ประดับอาคารตึก ที่ดูเหมือนกล่องวางตั้งเรียงราย สูงๆ ต่ำๆ ลดหลั่นกันดูสวยงาม. มองเห็นเส้นแสงสีสันต่างๆ ลากแล่นไปบนพื้น สวยราวกับเอาไม้เท้ากายสิทธิ์ของนางฟ้า ลากถูไปตามพื้น แล้วเกิดประกายสีรุ้งเป็นทาง ปรากฏให้เห็นทั่วเต็มพื้นที่ ตั้งแต่ด้านทิศตะวันออก เรื่อยไปจนถึงทิศตะวันตก. ชั่งเป็นเมืองที่งดงาม และมีขนาดพื้นที่ใหญ่โต กว้างขวาง สุดสายตา. เหมือนบทพรรณาของปราชญ์ท่านหนึ่ง ที่กล่าวถึงความงดงามของเมืองเทพ แต่ซ่อนแฝงด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น.
พวกเขาทั้งสามคน มาถึงจุดหมายที่ไม่ได้วางแผน รู้สึกทึ่งเพราะไม่เคยพบเห็นมาก่อน.
พวกเขาเดินลัดเลาะจากเนินสูง ผ่านซากหักพังของอาคาร ลงไปยังบ้านคนที่อยู่ข้างล่าง. เอื้อย โสนน้อย ต่างก็รู้ดีว่า นี่คือบทเริ่มต้น ของการผจญภัยครั้งใหม่ ซึ่งมีความแตกต่าง จากทุกครั้งที่ผ่านมา. โชคดี ที่พวกเธอ ไม่ได้มาอย่างโดดเดี่ยว แต่มีชายหนุ่มรูปหล่อ มาดเข้ม หุ่นนักสู้ ตามมาเป็นเพื่อนด้วย. ทำให้พวกเธอรู้สึกเบาใจไปได้มาก. แต่ก็อดนึกเป็นห่วง สิงห์ดำ ไม่ได้ เพราะพวกเธอ ยังไม่รู้ว่า ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขา ได้เผชิญอะไรมาบ้าง. แต่ชั่งเถอะ เขาเป็นผู้ชาย ไม่ต้องสุ่มเสี่ยงต่อสายตาของคนร้าย เท่ากับผู้หญิง. และอีกอย่าง เท่าที่พวกเธอรับรู้ด้วยสัญชาติญาณ สิงห์ เขาเป็นนักสังเกต ทำอะไรรอบคอบ ไม่บุ่มบ่าม.
สิงห์ ประเมินแล้วว่า อาจจะจริงอย่างที่ลุงคนขับรถพูดไว้. พวกเขาพากันมาที่นี่ เหมือนมาเสี่ยงโชค ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นโชคร้ายหรือโชคดี หรืออาจจะทั้งสองอย่าง. ไม่มีใครคาดเดาได้. และการเผชิญหน้า กับสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในเมือง ได้เริ่มขึ้นแล้ว.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|