ภาคที่ 3 ปัจฉิมบท ตอนที่ 105 งานเลี้ยง ย่อมมีวันเลิกลา
ห้วงกาลแห่งเวลา ย่อมเผาผลาญสังขาร ชาติ ชรา มรณะ ของสัตว์ทุกหมู่เหล่า ให้ตกอยู่ในกองทุกข์ วนเวียนสุขปนโศก เป็นวัฏจักรชั่วนิรันดร์. สังคมในภาวะปกติสุข ใช่ว่าจะปราศจากคนร้าย , มันยังคงหลบซ่อน และซ่องสุมกำลัง รอเวลาที่จะออกไปก่อเหตุร้าย เมื่อมันมีโอกาส. ดุจเดียวกับร่างกายของคนเรา ตราบที่ยังมีภูมิคุ้มกันโรค แบคทีเรีย หรือ ไวรัส ก็ไม่อาจคุกคามเราได้. แต่ใช่ว่า มันจะหยุดยอมแพ้ไปตลอด.
จากการประกาศนโยบาย เศรษฐกิจและสังคม รูปแบบใหม่ มุ่งเน้นคุณภาพชีวิต และรัฐสวัสดิการ ของผู้ปกครองนครรัฐ ทำให้สิ่งเสพติดและอบายมุขในนครรัฐ ลดลงไปเกือบหมด. ส่งผลกระทบต่อ ผู้ประกอบการธุรกิจด้านมืด สารเสพติด ธุรกิจมอมเมา. สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่ง แก่กลุ่มธุรกิจอิทธิพล ที่ยังยึดประโยชน์ จากธุรกิจมอมเมาเหล่านั้น.
ข้อนี้ รจนารินี ในฐานะผู้นำรัฐ ย่อมรู้ดี. ความเป็นสตรี มีข้อได้เปรียบบุรุษ ตรงที่สัญชาตญาณ แห่งการระวังภัย มักจะดีกว่าบุรุษเพศ. ในอีกมุมหนึ่ง ของอาณาจักรอันศิวิไลซ์ , รถเก๋งหรูคันหนึ่ง กำลังวิ่งอยู่บนสะพานแขวน ข้ามแม่น้ำสุวรรณนที.
บ่ายวันหนึ่ง ที่สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์ ของประธานนครรัฐ , บ่งบอกความสมดุล ระหว่างศิลปะจัดสรร ประโยชน์ใช้สอย และความงาม , สร้างบรรยากาศร่มรื่น ชวนมองในทุกๆ มุม. พี่เลี้ยงสาว พาเด็กชาย อายุราว 3 ขวบ หน้าตาน่าเอ็นดู วิ่งเล่นที่สนามหญ้าเขียว. บุรุษไปรษณีย์ ได้นำของมาส่ง ที่ประตูรั้ว.
พี่เลี้ยงสาว เดินไปที่ประตู ขณะเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าประตู รับกล่องบรรจุภัณฑ์ไปรษณีย์ จากบุรุษไปรษณีย์ ไว้. เขาพิจารณาดู ภายในคงบรรจุสิ่งของ ที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่มันมีน้ำหนักๆ เสียงดัง ติ๊กๆ!ๆ ๆ คล้ายเสียงนาฬิกากำลังเดิน.
เจ้าหน้าที่ รู้สึกไม่สบายใจ ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ตนไม่น่ามองข้ามความปลอดภัย. ครั้นจะเรียกขอตรวจพัสดุจาก หญิงพี่เลี้ยงเด็กอีกครั้ง เธอก็ถือกล่องนั้น เข้าไปในบ้านเสียแล้ว ... ตายละ ถ้าในกล่องนั่น! ...
สังขวุฒิ ละจากงานบนโต๊ะทำงาน รับกล่องไปรษณีย์ จากสาวพี่เลี้ยง เขย่าดู ฟังเสียงข้างใน. ขณะที่เธอยื่นใบหน้า ออกมาจากห้องน้ำ รู้สึกตกใจ เมื่อเห็นสามี เขย่ากล่องนั้นซ้ำหลายครั้ง.
จากความตื่นกลัว กลายเป็นความตื่นเต้น. เมื่อเห็นของที่อยู่ในกล่องนั้น เป็นรถยนต์สีแดงสด คันเล็กๆ มีวิทยุบังคับ. ส่วนที่ดังติ๊กๆ นั่น เป็นเสียงสัญญาณนาฬิกา บอกตัวเลขวันเดือนปี. มันถูกตั้งโปรแกรมไว้ ให้ทำงาน เพื่อให้ทั้งผู้รับ และผู้ส่งรู้ว่า ของจะมาถึงบ้าน ไม่เกินวันเวลา ที่ตรงกับ วันเกิดของหนูน้อย โนอา.
สังขวุฒิ หยิบการ์ดใบหนึ่ง ที่ส่งแนบมา , อ่านข้อความ.
ทุกคนแสดงความตื่นเต้นกันยกใหญ่ รวมทั้งพ่อบ้านจรัล และแม่บ้านประไพ ที่อยู่ในบริเวณนั้นด้วย.
1 เดือนถัดมา.
ตอนค่ำ ในคืนพระจันทร์ทรงกรด , วันแห่งความสุข หวลกลับมาอีกครั้ง เมื่อ เอื้อย กับ โสนน้อย เดินทางมาเยี่ยมครอบครัวของ สังขวุฒิ กับ รจนารินี. เมื่อพบกันแล้ว คงไม่ต้องได้หลับได้นอนกันละ เพราะมัวชื่นชมหนูน้อย โนอา ที่ทั้งฉลาดและน่ารัก. พร้อมของฝาก อีกมากมาย. วันถัดมา , หลังพระอาทิตย์ อำลาทิวากาล และพระจันทร์มาเยือน ในราตรี. สองฝั่งของแม่น้ำสุวรรณนที ยังอวดโฉมความงดงามยามค่ำ เหมือนเช่นเคย. จนอดไม่ได้ ที่พวกเขาจะพากัน ออกไปชื่ชมศิลปะยามราตรี ด้วยสายตาของตนเอง.
เอื้อย ออกปากชวน แต่ รจนารินี เห็นว่า อยากให้บรรยากาศวันนี้ เป็นวันของพวกเขาจริงๆ. ซึ่งคงจะหาโอกาสดีๆ แบบนี้ได้ยาก.
สังข์ ขับรถพา เอื้อย กับ โสนน้อย ออกเยี่ยมชมมหานครแห่งสวรรค์ สัมผัสภูมิทัศน์อันสวยงาม. ความงดงาม ที่ผสมผสานด้วยศิลปะ เทคโนโลยี และระเบียบวินัยของผู้คน เป็นผลมาจากการบริหารบ้านเมือง ที่ภรรยาและเขา ยึดมั่นอยู่ในคุณธรรมมาตลอด. คืนนี้ช่างเป็นคืนที่สวยงามอะไรเช่นนี้ , พระจันทร์เต็มดวง ลอยเด่นอยู่บนขอบฟ้า ท่ามกลางแสงระยิบระยับของตึกระฟ้า ที่ผุดขึ้นไปทั่วนครรัฐ สาดแสงส่องเป็นเงา ทาบบนสายน้ำ.
พวกเขาจอดรถ บนบริเวณที่สูงที่สุด ของสะพานแขวนข้ามแม่น้ำสุวรรณนที แล้วออกมาจากรถ สูดอากาศ สัมผัสทิวทัศน์.
เอื้อย เสนอความคิดแบบเด็กๆ แต่ผู้ใหญ่ทั้งสาม เอาจริง , ยกมือป้องปาก แล้วตะโกนขึ้นพร้อมๆ กัน โดยไม่ได้นัดหมาย.
เอื้อย ออกความเห็น โสนน้อย เห็นด้วย แต่.
สังข์ พาเพื่อนสาวทั้งสองคน มาดูความสวยงาม ของลำน้ำสุวรรณนที อีกฝั่งหนึ่ง ก่อนที่จะกลับเข้าคฤหาสน์. เขาขับรถช้าๆ เรียบฝั่งแม่น้ำ ก่อนถึงทางแยกตัวที ที่อยู่ริมท่าน้ำ. ...
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้น!!
รถยนต์บรรทุกเล็กลึกลับ 2 คัน จอดซุ่มรออยู่ในมุมแสงสลัว. ที่คันชนหน้าของทั้ง 2 คัน ถูกดัดแปลงเป็นซี่ฟันแหลม เหมือนปลาฉลาม ยื่นออกมา. เมื่อได้จังหวะ รถของ สังข์ วิ่งมาถึงทางแยกตัวที. รถยนต์ของผู้ประสงค์ร้าย คันที่หนึ่ง พุ่งชนรถของ สังข์ ที่บริเวณด้านข้าง อีกคันหนึ่ง ชนท้ายอย่างแรง จนหมุนคว้าง. คนร้ายไม่ยอมให้รถเป้าหมาย มีโอกาสตั้งตัว. รถคันแรกพุ่งชนซ้ำอีกครั้ง และดันตกลงไปในน้ำ.
สังข์ พยายามขยับตัวเอง ให้หลุดจากเบาะนั่ง แต่ทำไม่ได้ถนัด เหมือนมีบางสิ่งฉุดไว้. เขาถูกซี่ฟันแหลมของรถคนร้าย ทิ่มทะลุขา เริ่มรู้สึกปวด. รถก็จมดิ่งลึกลงไปทุกขณะ. ประตูรถเสียหายหนัก ถูกชนจนบิดเบี้ยว ไม่สามารถเปิดออกได้ ทั้งสองด้าน. เขารู้สึกเป็นห่วงเพื่อนสาวทั้งสองคน ที่อยู่เบาะหลัง. พวกเธอก็บาดเจ็บคนละไม่น้อย. รถจมดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ พวกเขาเริ่มหมดอากาศหายใจ. สังข์ ยังรักษาสติได้อยู่. ความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ภาพในอดีต ปรากฏขึ้นมาในภวังค์จิตสุดท้าย ... ทุกๆ เหตุการณ์ สถานที่ บุคคล ต่างซ้อนทับสลับเลื่อนไหลมารวมกัน ทั้งเลือนลางและแจ่มชัด จนยากที่จับและจดจำได้ว่า นั่นเกิดขึ้นในห้วงเวลาใด.
และแล้วภาพนิมิต ในห้วงกาลสุดท้าย ก็ปรากฏขึ้น. สังข์ มองเห็นร่างของตัวเอง ในขณะเป็นเด็ก ค่อยๆ จมห่างจากพื้นผิวน้ำ ของลำธาร , มองเห็นภาพอันบิดเบี้ยวของ เด็กหญิงเอื้อย กับเด็กหญิงโสนน้อย ผ่านผิวน้ำขึ้นไป. พวกเธอยืนเกาะที่ขอบสะพาน และส่งเสียงเรียกเขา.
เสียงนั้น ยังก้องอยู่ในหู. ภาพเริ่มบิดเบี้ยวมากขึ้น เขาจำได้ว่า. แม่จันทนี วิ่งมาที่ขอบสะพาน หยุดยืนอยู่ระหว่างเอื้อยกับโสนน้อย มองดูเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง. แล้วแม่ก็ยื่นมือ มาที่เขา. มือของแม่ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาอีก.
ตัวเขา กลับจมลึกลงไปเรื่อยๆ. แต่ภาพของแม่ ก็ยังปรากฏชัดเจน. น้ำในลำธารดูเหมือนจะค่อยๆ ใสและสว่างขึ้น. รอยบิดเบี้ยวของคลื่นน้ำ เริ่มสงบนิ่ง และแล้ว ... ก็บังเกิดดวงไฟสว่างวาบ มาจากผิวน้ำ. ปรากฏภาพนางฟ้า ที่ใจกลางดวงไฟนั้น. นางฟ้ายื่นมือลงมา จับข้อมือของเขาไว้ แล้วดวงไฟกลมสีขาว ก็มีขนาดค่อยๆ ลดส่วนลง กลายเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า สว่างวาบขึ้นอีกครั้ง แล้วหดตัวหายไป พร้อมกับสติความรู้สึกตัว ก็ดับวูบลง.
...
สังข์ รู้สึกตัวอีกครั้ง. ดูเหมือนว่า เขากำลังนอนอยู่บนเตียง ที่ไหนสักแห่ง อาจจะเป็นที่โรงพยาบาลหรือที่บ้าน ไม่แน่ใจ. รู้สึกแสบที่จมูก และมึนที่หัว. ภาพที่เห็น ก็ยังดูมัวๆ เหมือนมองผ่านกระจกใส ที่มีละอองน้ำพ่นใส่. แต่ไม่นาน ภาพที่เห็นก็ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้น ชัดขึ้น ทีละน้อย. คนแรกที่เขาเห็น คือแม่จันทนี. สังข์ จำแม่ได้เสมอ แม้ว่าแม่จะแก่ชรามากแล้ว. แม่พยุงตัวเอง ยืนอยู่ข้างๆ และลูบคลำใบหน้าของเขา อย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล. เขารู้สึกได้ว่า มือของแม่ไม่หยาบกร้าน เหมือนเมื่อก่อน และดูอบอุ่นยิ่งกว่าเก่าเสียอีก. ภาพปรากฏชัดขึ้น ด้านหลังถัดไป คือ เอื้อย กับ โสนน้อย ยืนอยู่ข้างแม่จันทนี.
แต่แล้ว! ?!
ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทั้งหมด เริ่มเปลี่ยนไป ... ใบหน้าของแม่จันทนี จากหญิงวัยหง่อมชรา ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นใบหน้าของแม่จันทนี ในวัยสาว. และนั่น! เด็กเอื้อย กับ เด็กโสนน้อย ยังยืนอยู่ที่เดิม , แล้วก็ เด็กหญิงหน้าตาน่ารักนั่นเป็นใครกัน. รจนา หายไปไหนแล้ว.
สังข์ ยังอยู่ในภาวะตกตลึง. รีบพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด , รู้สึกสับสน. นี่คือความฝัน หรือความจริงกันแน่.
เสียงปลอบประโลมของแม่ ทำให้ความรู้สึกสับสน ค่อยๆ สลายจางหายไป.
สังข์ ชี้ไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ยืนเกาะอยู่ข้างๆ เตียง ยิ้มมองเขาด้วยแววตาใสซื่อ. เขาก็ยิ่งเพิ่มความประหลาดใจหนักขึ้น เมื่อแม่บอก.
ตอนนี้ สังข์ หายมึนงงสนิทแล้ว. ทอดสายตาออกไปที่หน้าต่าง เห็นเด็กผู้ชาย 2 คน คุยหยอกล้อเล่นกัน ที่สนามหญ้าข้างห้อง. มองจากด้านหลัง พวกเขาดูดี ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย สะอาดดี น่าจะเป็นลูกของคนมีเงิน. และเมื่อเด็กสองคนนั่น หันหน้ามา-
สังข์ คิดในใจ. แต่เมื่อสบตากับพวกเขาสองคนแล้ว กลับไร้วี่แววของความเป็นเพื่อน. จันทนี เห็นลูกชาย เหม่อมองดูเด็กสองคนข้างนอกอยู่นาน จึงบอกกับลูกว่า
สังข์ รู้สึกแปลกใจหนักขึ้นอีก ที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด.
พ่อของโสนน้อย ยื่นหน้าเข้ามาที่ประตู
หนูรจนา ก็ไปกับแม่ของเธอ คงเหลือ สังข์ กับแม่ตามลำพัง. สังข์ รู้สึกตื่นเต้นดีใจ ที่จะได้พบเพื่อนใหม่ , เพื่อนใหม่ ที่เขาคิดว่าเคยรู้จักกันมาก่อน ในอีกโลกใบหนึ่ง ซึ่งเพิ่งผ่านมาไม่นานมานี้. สังข์ เริ่มรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น สลัดความสับสนทิ้งไป เพื่อให้ห้วงกาลแห่งเวลา ที่ผ่านมาอย่างยาวนาน ได้รับการบันทึกไว้ในสมอง เป็นนิทานเรื่องยาว ที่เขาไม่มีวันลืมอีกนานแสนนาน. ตอนนี้ สังข์ มั่นใจตัวเองมากขึ้น ที่จะไม่เป็นเด็กงอแง หรือหวาดกลัว ในสิ่งไร้เหตุผล. เขาไม่ต้องตามหาแม่อีกแล้ว ภารกิจสิ้นสุดลงแล้วอย่างแท้จริง ...
สังข์โอบกอดแม่ไว้แน่น รู้สึกว่าอ้อมกอดของแม่วันนี้ อบอุ่นมากกว่าทุกครั้ง.
ขอบคุณ ที่กรุณา ติดตามอ่าน จนจบเรื่อง
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|