ภาคที่ 1 บทที่ 7 หนอนทะเลทราย ตอนที่ 22 หนอนยักษ์ มฤตยูใต้ดิน
ดึกสงัด แสงจันทร์ กับแสงของดาว ที่กระจายบนท้องฟ้า โลมเลียพื้นดินที่แห้งแล้ง เหมือนทะเลทราย ทำให้ยังพอมองเห็น ความเวิ้งว้าง ว่างเปล่า, กองไฟเริ่มมอดลง ทุกคนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย จากการเดินทางฝ่าแดด และอากาศร้อนมาทั้งวัน.
เสียงลาร้อง ปลุกให้ จาอู ตื่นขึ้น. เขามองไปรอบๆ อย่างนักระวังภัย, ห่างออกไปจากที่ที่เขานอน ไม่ไกลนัก มองเห็นร่องรอย ของพื้นทราย ยุบเป็นร่องผ่านไป. ฮี้ ห่อ ๆ ๆ ลาส่งเสียงร้องดังขึ้นอีก. ร่องทรายยุบ อีกด้านหนึ่ง ก็ผ่านพวกเขาไป แต่คราวนี้มันใกล้เข้ามา.
มาลา รีบใส่ฟืนที่เหลือ ในกองไฟ และเป่าให้มันลุก. ทุกคนเตรียมอาวุธพร้อม. ฮี้ ๆ ๆ ห่อ ๆ ๆ ลายังร้องเป็นระยะ, เสียงของมันร้องถี่และดังขึ้น. จาอู ย่องเข้าไปใกล้ๆ ลา, เห็นมันมีอาการตื่นตระหนก. สัญชาติญาณ บอกให้เขารู้ว่า มีบางสิ่งที่ไม่หวังดี ป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณนี้.
เสียงดัง ครืด ๆ ๆ อยู่ใต้พื้นทรายนี่เอง. จาอู หยุดการเคลื่อนไหว นิ่งอยู่กับที่ราวกับไม่ได้หายใจ, เห็นร่องทราย ผุดขึ้นแล้วก็ยุบลง ผ่านไปต่อหน้า. เหมือนมีสัตว์ประหลาด หรืออะไรสักอย่าง กำลังเลื้อยมุดทรายผ่านไป. คราวนี้ มันใกล้เข้ามาแค่เอื้อม.
เสียงครืด ๆ พร้อมกับร่องทรายยุบ ผ่านไปแล้ว และลาก็ยังอยู่. จาอู ยังไม่ไว้วางใจ รอว่ามันจะกลับมาอีกหรือไม่. คราวนี้ มันเงียบหายไปนาน, เจ้าสัตว์ปีศาจใต้พิภพนั่น อาจกลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้. ตอนนี้ ช่วยให้เขามีเวลาเตรียมสู้กับข้าศึก. จาอู เดินย้อนกลับไป สั่งให้เด็กทั้งสามคน ยืนออรวมกัน อยู่ตรงกลางวงล้อมของพี่เลี้ยง ซึ่งก็มีแค่สองคน.
จาอู ยืนระวังหน้า มาลา ยืนระหวังหลัง ... เวลาผ่านไปนาน เกือบสว่าง ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขารู้สึกเมื่อย.
เสียงลาร้องขึ้นอีกครั้ง, โสนน้อย หันไปดูที่โคนต้นไม้ใหญ่. ลาไม่อยู่ที่นั่นแล้ว, มันหายไปกับรอยผุดของทราย.
จาอู ชี้ไปที่ซากต้นไม้ ข้างก้อนหินใหญ่ ตรงที่เคยผูกลาไว้ แล้วสั่ง
ทุกคนรีบคว้าข้าวของสัมภาระ เท่าที่จะคว้าได้. แน่ละ อาวุธคือหัวใจสำคัญ ซึ่งทุกคนเตรียมมันติดตัว ไว้พร้อมแล้ว. ... ไม่นาน ทั้งห้าชีวิต ก็มายืนออกัน อยู่บนก้อนหินใหญ่, โสนน้อย คิดว่า มันยังใหญ่ไม่พอ และมันก็เตี้ยเกินไป. ถ้ายืนอย่างนี้นานๆ อาจไม่ปลอดภัย.
รอยทรายผุดยุบ ๆ เคลื่อนใกล้ก้อนหินเข้ามาทุกขณะ. แม้ว่า มันจะเคลื่อนที่ไม่เร็วนัก, แต่ก็มีเวลาพอ ที่จะทยอยกันปีนขึ้นไปบนต้นไม้. จาอู นึกขึ้นได้ว่า เขาลืมของสำคัญ ไว้บนเนินทรายตรงที่เขานอน.
เด็กๆ กับ จาอู และ มาลา จำเป็นต้องแปลงกายเป็นลิง เกาะกิ่งไม้แห้ง ที่ตอนนี้มองไม่ออกว่า มันคือแขนของคน หรือแขนของปีศาจกันแน่. พวกเขา หลับๆ ตื่นๆ บนคาคบไม้ รอจนกว่าตะวันขึ้น. เสียง ครืด ๆ พร้อมกับ รอยผุดยุบ ของทราย ยังเวียนวนอยู่รอบๆ ต้นไม้. จนกระทั่งฟ้าสว่าง เจ้าสัตว์ประหลาดใต้พิภพ ก็หายไป, ทิ้งร่องรอยปริศนาอันน่าหวาดเสียว ไว้ให้พวกมนุษย์ คาดเดาเอาเองว่า มันเป็นสัตว์พวกไหนกันแน่.
จาอู กระโดดลงมาจากต้นไม้ ไปยืนที่ก้อนหิน. ปล่อยให้พวกผู้หญิง อยู่บนนั้นไปก่อน, มาลา กับ สังข์ กระโดดตามลงมา แล้วตกลงกันว่า ใครจะเป็นคนไปเอาลูกดอกนาคา.
มองจากข้างบนต้นไม้ ร่องทรายยุบ มีอยู่เต็มไปหมด. เจ้าสัตว์ประหลาดใต้ผืนทราย มันยังไม่แตะต้องสิ่งของ ที่อยู่บนเนินทราย, อาจเป็นเพราะว่า นั่นไม่ใช่อาหารของมัน.
ตอนนี้ ยังคาดเดาอะัไรไม่ได้ แต่ จาอู ต้องไปเอาของสำคัญ. เขาตัดสินใจ ลงจากก้อนหิน ค่อยๆ ย่างเท้า เดินไปที่เนินทราย อย่างระมัดระวัง
ตัวตนของมัน ก็โผล่ออกมาให้เห็น, ส่วนหัวที่มุดทรายอยู่ โผล่ขึ้นมาก่อน ห่างจาก จาอู ไปไม่กี่ก้าว. ลำตัวและหัวของมัน ไม่ต่างอะไรกับหนอนยักษ์, ขนาดลำตัวกลมๆ ของมัน ใหญ่กว่าลาสองเท่า ผิวหนังย่นๆ สีน้ำตาลไหม้. ส่วนหัว ของเจ้าหนอนยักษ์ มันไม่มีลูกตา ปากแบ่งออกเป็นสามแฉก เผยให้เห็นเขี้ยวโง้งถี่ยิบ เต็มทั้งสามแฉก ตอนที่มันโผล่ขึ้นมางับอากาศ. จาอู วิ่งอย่างรวดเร็ว, หนอนปีศาจ ตวัดลิ้นที่เป็นเส้นเชือกเหนียว ออกจากปาก แล่นไปตวัดรัดขาของ จาอู. เขาล้มตึงลง ที่พื้นทราย พยายามสลัดสองขา เหมือนถีบจักรยาน ดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ. มันก็ไม่ละความพยายาม ที่จะกินเหยื่อให้ได้. ลิ้นรัดขา และดึงเข้าปาก. ยื้อยุดแรงกันอยู่ชั่วครู่, มาลา กับ สังข์ วิ่งเข้ามาช่วย จาอู. สังข์ ดึงมือของ จาอู ไว้ แต่แรงของหนอนปีศาจเยอะกว่า จึงถูกลิ้นเหนียวๆ ของมัน ลากทั้งสองคน ถอยร่นไป จนใกล้จะถึงปาก. มาลา คว้ามีดพกที่เอว รีบทำในสิ่งที่ควรทำ.
ลิ้นของมัน ขาดออกจากกัน. ส่วนที่ขาดออกมา ดิ้นหงิกๆ งอๆ เหมือนไส้เดือนถูกเด็ดลำตัว จนขาดเป็นสองท่อน ด้านปลายสุด มีลักษณะลูกบอลกลม เหมือนลูกปาแบน ที่พวกเด็กๆ สมัยหนึ่ง ชอบเล่นกัน. มีเมือกเหนียวๆ ไหลเยิ้มออกมา จากแผลที่ถูกมีดฟัน. นั่นแหละ ที่ทำให้มันล่าถอย มุดลงไปใต้ผืนทราย. ... แต่แล้ว - หนอนยักษ์อีกตัว มาจากไหนไม่รู้, มันเอาหัวโผล่ขึ้นมาจากทราย ที่ด้านหลังของ สังข์ แล้วแลบลิ้นตวัดที่ขา.
ลิ้นของมัน พยายามลากเขา ให้จมลงที่พื้นทราย. สังข์ ยังมีสติดีอยู่ ชักมีดออกมาถือไว้ในมือ แต่โชคไม่ดี มีดหลุดมือไปก่อน. สองขาก็พยายามสลัด ให้หลุดจากลิ้นของมัน, ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไร้ผล. เหตุการณ์ชั่งรวดเร็วเหลือเกิน เจ้าหนอนยักษ์ มันใช้เวลาล่าเหยื่อไม่นาน, สังข์ ถูกลากเข้าไป ใกล้ปากของมัน เข้าไปทุกที.
สถานการณ์คับขัน, มาลา ทำได้อย่างมาก แค่วิ่งไปคว้าแขนของเขาไว้ ออกแรงยื้อสู้กับหนอนยักษ์. เวลาแค่ชั่วก้านไม้ขีดไหม้! ขาของสังข์ หลุดเข้าปากเจ้าหนอนมัจจุราชนั่น ไปถึงเอวแล้ว. ประเมินสถานการณ์ตอนนี้, เขาต้องตกเป็นอาหารของหนอนยักษ์แน่. ... ร่างของสังข์ ก็ถูกมันดูดดึง มุดหายลงไปในพื้นทราย. เหลือแค่หัวกับแขน ที่ยังปัดป่ายไขว่คว้า เอาชีวิตรอด.
จาอู ได้จังหวะแค่เสี้ยวนาที กระโดดเข้าหา สังข์ ยื่นมือออกไป ช่วยดึงแขนของเขาไว้ด้วยอีกแรง. แต่ก็ไร้ผล, เขายังคงถูกมันดูดคาปาก. เอื้อย กับ โสนน้อย วิ่งมาสมทบ แต่พอมาถึง ก็สายไปแล้ว. ร่างของสังข์ มุดหายเข้าไป ในปากเจ้าหนอนนั่น ต่อหน้าต่อตา.
เอื้อย โสนน้อย กรีดร้องพร้อมกัน ด้วยความโกรธสุดขีด. ไม่ทนรออะไรอีกแล้ว ... ความรู้สึกตอนนี้น่ะหรือ มองเห็นหนอนยักษ์ ตัวเท่าไส้เดือน, มันบังอาจทำเกินไปแล้ว. เธอสองคน คิดเหมือนกัน โดยไม่ได้นัดกัน, สังข์ จะต้องไม่เป็นอะไรไป ในตอนนี้ เป็นไงเป็นกัน!
ขณะที่ เจ้าหนอนปีศาจ มันยังทำหัวผลุบๆ โผล่ๆ บนพื้นทราย, กรี๊ด ด ด ด! เอื้อย กรีดร้องอีกครั้ง พร้อมมีดในมือ พุ่งกระโจนเข้าใส่เจ้าหนอนยักษ์ แทงเข้าที่ส่วนหัว ฉึก! ฉึก! ฉึก! โดยไม่มีการนับแผล. โสนน้อย คว้าลูกดอกอาบยาพิษ ทิ่มลงไป โดยไม่คิดว่า จะเป็นส่วนไหนของมัน สองดอก สามดอก สี่ดอก. ปักคาผิวหนังเจ้าหนอนมรณะ. ความกล้าบ้าบิ่นแบบไม่ยั้งคิด ของสองสาวน้อย กระตุ้นให้ มาลา คิดบางสิ่งขึ้นมาได้ทันที. เขาฉวยโอกาส ขณะที่เจ้าหนอนยักษ์ ถูกรุมโจมตีบ้าง, วิ่งไปคว้าถุงลูกดอกนาคา แล้วส่งให้ จาอู ซึ่งกำลังรอรับการบรรจุกระสุนอยู่.
เอื้อย กับ โสนน้อย สั่งสอนมันอย่างได้ผล, มันดิ้นขลุึกขลักใต้พื้นทราย ขณะที่ลูกดอกยังปักคาที่ผิวหนังย่นๆ แล้วมันก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง. ตรงกับจังหวะรับของเพชฌฆาต จาอู พอดิบพอดี, เล็ง ... ยิง -
เสียงดังสนั่น ดินสะเทือน พร้อมกับผลลัพธ์ ที่น่าพอใจ, โดนที่ส่วนหางของมัน. เนื้อหนังส่วนหนึ่งของเจ้าหนอนยักษ์ หลุดกระจุยกระจาย. เอื้อย กับ โสนน้อย ถูกมันเหวี่ยงกระเด็นออกไป.
เนื้อยุ่ยๆ แตกกระจาย ... สักครู่ มันก็ขย้อนคายเหยื่อออกมา. เพราะตัวมันมีขนาดใหญ่ ระบบประสาทอาจทำงานช้า เหมือนสัตว์ใหญ่ทั่วๆ ไป, มันพยายามจะมุดทรายหนี. แต่เพราะมันโดนอาวุธไปหลายอย่าง ทำได้อย่างมาก ก็แค่ ขาดใจตายอยู่ตรงนั้น.
เหตุการณ์สงบลง, สังข์ รู้สึกตัว สำรอกเอาเมือกสีใสขุ่นๆ ออกมาจากปาก. เอื้อย กับ โสนน้อย ช่วยกันรีดเอาเมือกเหม็นๆ ของหนอนเคราะห์ร้าย ออกจากลำตัว แล้วประคองเขายืนขึ้น พาขึ้นไปพักอยู่บนก้อนหิน. ส่วน มาลา กับ จาอู ยังยืนคุมเชิง รอดูพวกมัน, ไม่รู้ว่า ยังจะมีมาอีกกี่ตัว. แค่สองตัวที่เห็นนี่ ก็ยังรับมือกันมันยากอยู่แล้ว แต่ถ้ามันพากันมาอีกหลายตัว จะำทำกันยังไง จาอู ไม่อยากคิด. โสนน้อย ดึงผ้าห่มออกมาจากกระเป๋า เช็ดเนื้อตัวของสังข์ ที่เปื้อนน้ำลายและทรายเปรอะเลอะเทอะ ออกไปจนหมดเกลี้ยง. พี่เลี้ยงสองคน ยืนคุมสถานการณ์อยู่พักใหญ่ เห็นว่าสงครามน่าจะสงบลงแล้ว, มาลา ไปเก็บสัมภาระของ สังข์ ที่ตกหล่น บนพื้นทราย โชคดี ที่ค้นหามีดของเขาเจอ.
เด็กทั้งสาม ได้พักยกชั่วครู่, เสียงครืดๆ ที่อยู่ใต้ดิน มาอีกแล้ว เบาจนแทบไม่ได้ยิน. จาอู สังเกตรอยสั่นของพื้นทราย ที่อยู่ห่างออกไป. เขาให้สัญญาณเตรียมพร้อม สู้กับมันอีกยก. พื้นทรายสั่น ใกล้เข้ามา แนวแรงสะเทือน แผ่กว้างกว่าทุกครั้ง พร้อมๆ กับผิวพื้นทรายยุบยวบยาบ เป็นแนวกว้างกว่าครั้งก่อนมากมายนัก. พวกเด็กๆ ลุกขึ้นยืน, เอื้อย คว้ากระเป๋าและหน้าไม้ ส่งให้สังข์.
พวกเขาผ่านการเผชิญหน้า ท้าความตายมาหลายหนแล้ว จะเจอกับมันอีกสักครั้ง จะเป็นไรไป. แพ้ชนะไม่ต้องคิด ในเมื่อยังมีลมหายใจ โอกาสก็ยังพอมี. จาอู กับลูกดอกนาคาคู่ชีวิต มาลา ถือหอกไว้แน่น, ทุกคน เตรียมเผชิญหน้ากับมัน อีกครั้ง. ศึกครั้งนี้ หนักหนากว่าสงคราม ระหว่างคนกับคน เพราะสงครามยังมีเวลาพัก มีกองกำลังสับเปลี่ยน แต่นี่ไม่มี. ทุกคน อยู่ในสภาพหลังพิงกัน ไม่แน่ใจว่า จะต้านมันอยู่หรือไม่ แต่ถ้าไม่สู้ ก็ตาย สู้ก็อาจรอด.
รอยผุดๆ ยุบๆ บนพื้นทราย ห่างจากพวกเขา ไม่ถึง 10 ก้าว แล่นอย่างช้าๆ ตรงเข้าหาเหยื่อ ที่ยืนอยู่บนก้อนหิน. อะไรกันนี่!! ... หัวอันใหญ่โตของมัน มีขนาดใหญ่กว่าสองตัวแรก ถึง 3 เท่า ก็แหวกพื้นทรายขึ้นมา เผยให้เห็นเขี้ยวขาวซี่เล็กฝอย งอโค้ง เต็มปาก ที่เป็นรอยแยกสามแฉก. ไอ้ตัวนี้ ประหลาดกว่าสองตัวแรก คือ มันมีลิ้นถึงสองอัน ส่วนปลายของลิ้น ไม่ใช่ก้อนกลม แต่เหมือนหัวงู. ลิ้นของมันอันหนึ่ง พุ่งตรงเข้าเป้า ตวัดเอาขาของ จาอู อย่างรวดเร็ว อีกอันพลาดเป้า. จาอู ล้มลงบนพื้นทราย ลูกดอกนาคาหลุดจากมือ. เขาถูกมันลากเข้าไปในปาก. สังข์ เอื้อย ได้จังหวะ ระดมยิงลูกดอก มาลา ซัดหอก ตรงเป้าหมา่ยเดียวกัน คือที่รอยแยกสามแฉก ที่หัวของมัน. แต่ก็หยุดยั้งมันไม่ได้ ตัวมันใหญ่เกินไป. มาลา แก้สถานการณ์ กระโดดไปคว้าหน้าไม้ของ จาอู แล้วรั้งไว้ แต่แรงมันมีมากกว่า ขาของ จาอู ใกล้ถึงคมเขี้ยวของมันเข้าไปทุกขณะ.
เอื้อย โสนน้อย ระดมยิงลูกดอก ไปคนละหลายดอก มันไม่ต่างอะไรกับ เอาไม้จิ้มฟันไปทิ่มแทงหนังช้าง. จาอู โชคร้าย ถูกคมเขี้ยวของมัน ข่วนที่เท้า จนเลือดไหล. สังข์ เปลี่ยนแผน กระโดดลงไป คว้าเอาถุงลูกดอกนาคาขึ้นมา, เขาต้องรีบทำ ในสิ่งที่ จาอู ทำไม่ได้ ในเสี้ยวนาทีเป็นตายนี้. ... ทันใดนั้น!
เสียงระเบิด ของลูกดอกนาคา เริ่มแสดงฤทธิ์. สังข์ ระดมยิงลูกดอกนาคา อีก 2 3 ลูก ถูกที่บริเณส่วนหาง และกลางลำตัว, แต่ แทบไม่ระคายเคืองผิวของมัน เพราะลำตัวของมันส่วนหนึ่ง ยังฝังจมอยู่ในพื้นทราย. ลูกดอกนาคา ทำอะไรมันได้ไม่ถนัดนัก. แต่ลูกดอกอาบยาพิษของ เอื้อย ที่พุ่งเข้าใส่ลิ้นและปากของมัน เพิ่งจะได้ผล. มันดิ้นและปล่อย จาอู หลุดออกมาจากคมเขี้ยว. แต่มันก็ไม่ยอมทิ้งเหยื่อ ไปง่ายๆ, ลิ้นอีกอันหนึ่งของมัน ตวัดเอาลำตัวของ มาลา ลากเข้าปาก แต่คราวนี้ มันเปิดเผยตัว ให้เห็นเด่นชัดขึ้น เพื่อจะได้ขย้ำเหยื่อได้ถนัด.
มาลา ถูกมันกัดที่บริเวณลำตัว เป็นแผลเหวอะ แต่มันก็ทำได้แค่นั้น. สังข์ เล็งลูกดอกนาคา เป้าหมาย กลางลำตัว
คราวนี้ได้ผล, มันคงเจ็บไม่น้อย พลาดเหยื่อไปอย่างเสียดาย. เจ้าหนอนยักษ์เคราะห์ร้าย รีบมุดหนีระเบิด หายไปซ่อนตัวใต้พื้นทราย.
สงครามหยุดพักรบ ชั่วคราว, โสนน้อย กับ เอื้อย เข้าไปช่วยประคอง มาลา ขึ้นมาพักบนก้อนหิน. สังข์ จาอู ตามขึ้นมา ตรวจดูบาดเผลของ มาลา. เขาถูกเจ้าหนอนยักษ์กัด เป็นแผลฉกรรจ์ เลือดไหลไม่หยุด. ส่วนบาดแผลที่ข้อเท้าของ จาอู ยังพอแก้ไขได้, เอื้อย รีบเอาผ้ามัดหยุดเลือดไว้ได้. สังข์ สำรวจอาวุธ ที่เหลืออยู่.
จาอู ตัดสินใจ ทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่สุดในชีวิต, คว้าเอาถุงลูกดอกนาคาที่เหลือ มาอุ้มไว้แนบบนอก.
มาลา ยอมเป็นฝ่ายเสียสละแทน จาอู. เขายื่นมือ ขอถุงลูกดอกนาคา จาอู ปฏิเสธ. เขาสองคน เถียงกันอยู่สักพัก. แต่สู้ความตั้งใจของ จาอู ไม่ได้. สังข์ สบตากับ จาอู เหมือนจะขอร้อง แต่นี่เป็นความมุ่งมั่นของเขา. มันมาอีกแล้ว. กลิ่นคาวเลือด ทำให้มันอดใจไว้ไม่ได้. สังข์ รีบจุดลูกดอกนาคาลูกหนึ่ง.
หัวของหนอนปีศาจ โผล่จากพื้นทราย พร้อมกับตวัดลิ้น รัดเอาร่างของ มาลา. เจ้าสัตว์ร้ายเลือก มาลา เป็นเหยื่อ แทนที่จะเป็น จาอู. สังข์ เอื้อย โสนน้อย แก้สถานการณ์ ได้แค่ช่วยกันยื้อยุดฉุดร่างของเขาไว้. แต่สามแรง ไม่อาจสู้แรงเดียว ของเจ้าหนอนยักษ์ได้. เสียงของ มาลา ตะโกนลั่น บอก จาอู ให้โยนถุงลูกดอกนาคาให้ เดี๋ยวนี้!. จาอู ลังเลนิดหนึ่ง ไม่คิดว่า มาลา จะเป็นผู้เสียสละเสียเอง. ในเสี้ยวเวลาของความตาย, แรงของพวกเด็กๆ อ่อนล้าลงทุกขณะ. มาลา ตะโกนซ้ำอีกครั้ง. จาอู ต้องตัดสินใจ ... แค่เข็มวินาทีกระดิกสามครั้ง, ร่างของ มาลา ก็หลุดจากมือของพวกเด็กๆ. มาลา ส่งสายตาขอร้อง ไปยังเพื่อนรัก, จังหวะชีวิตต้องตัดสินใจ เดี๋ยวนี้!
จาอู โยนถุงลูกดอกนาคาออกไป มาลารับมันไว้ได้ทัน ในเสี้ยววินาที, มันถูกจุดไฟเรียบร้อยแล้ว. มาลากับถุงลูกดอกนาคา หลุดหายเข้าไป ในปากของเจ้าหนอนยักษ์
เศษเนื้อกระเด็น กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ. ร่างของเจ้าหนอนยักษ์ แน่นิ่ง เหลือแค่ลำตัวและหาง ที่ยังฝังอยู่ใต้ผืนทราย.
สังข์ เอื้อย โสนน้อย เสียใจร้องไห้ ที่ต้องสูญเสีย พี่เลี้ืยงไปอีกคน, สิ่งที่พวกเด็กๆ จะจดไว้ในตลอดชีวิต คือ มาลา วีรบุรุษผู้กล้วและเสียสละ. จาอู โผเข้ากอดพวกเด็กๆ เขาเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่า ไม่อาจกลั้นน้ำตา ที่กำลังไหลพรั่งพรูออกมา. จากนี้ไป เขาคือ พี่เลี้ยงคนสุดท้าย ที่พวกเด็กๆ เหลืออยู่.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|