ภาคที่ 1 บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง ตอนที่ 36 ปาฏิหาริย์ลิงเผือก
หลังจาก มนุษย์วานรแสง ถูกยิงด้วยขีปนาวุธสายฟ้า ของมนุษย์เ่ผ่าพันธุ์เดียวกัน โดยบังเอิญ, ร่างของมัน ก็ร่วงหล่นลงไป ที่ใจกลางป่าของเกาะ. สภาพ ก็ไม่ต่างอะไรกับลิงป่าตัวเล็กๆ เพียงแต่มันมีลักษณะ โดดเด่นกว่าลิงตัวอื่น ก็คือ มีขนสีขาวเผือก ห่อหุ้มปกคลุมไปทั้งร่าง. แน่นอนว่า มันย่อมเป็นสัตว์ ที่มีสีสันแปลกประหลาด เป็นที่จับจ้อง ของเหล่าสรรพสัตว์ในป่านี้.
ลิงเผือกตัวน้อย ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก เพราะหล่นลงตรงต้นไม้ใหญ่พอดี. มันค่อยๆ ปืนลงจากต้นไม้ ลงมาข้างล่าง. ดูเหมือนว่า มันจะไม่ค่อยรู้ธรรมเนียมของป่า เอาเสียเลย, ข้างล่างนี่ อันตรายยิ่งกว่าข้างบนเสียอีก. แม้จะเป็นเวลากลางวันก็เถอะ แสงอาทิตย์ที่ว่าแจ่มจ้า ยิ่งกว่าแสงใดๆ ก็ยังส่องลงไปได้อย่างยากเย็น. ทันทีที่เท้าถึงพื้น ก็มีสิ่งหนึ่ง เคลื่อนไหวคืบคลานเข้ามาใกล้. โชคดีที่เจ้าลิงเผือก ไหวตัวเสียก่อน, มันกระโดดผึง ตามสัญชาติญาณใหม่ รีบปีนขึ้นต้นไม้ ไต่กิ่งที่เล็กกว่า หนีขึ้นไปข้างบน ให้พ้นจากศัตรู ทั้งที่มันยังมองไม่เห็น. จริงซิ! ข้างบนนี่ปลอดภัยกว่า สว่างกว่าด้วย.
แต่ว่า ข้างบนนี่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป, เพราะ มันกำลังเผชิญหน้า กับพวกเดียวกันเอง. พวกลิงเจ้าถิ่น เข้าใจว่าเจ้าลิงเผือกนี่ คือผู้บุกรุก, เป็นสิ่งแปลกปลอม มีสีผิวประหลาด เข้ามาโดยไม่บอกกล่าวกันก่อน. ที่จริง พวกลิงเจ้าถิ่น กำลังเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ นั่นเอง. ใครเป็นเจ้าถิ่น ก็จะแสดงสัญลักษณ์ บ่งบอกอำนาจ อิทธิพล ให้ดูยิ่งใหญ่เหนือกว่า โชว์กำลังพลพรรคที่มากกว่า. ถ้าผู้ด้อยกว่า ไม่แสดงการสวามิภักดิ์ ก็จะถูกรังแก. จึงถือเป็นเรื่องปกติ ของสังคมสัตว์, ที่จะเอาชนะกันด้วย อำนาจ ศักดิ์ศรี และผลประโยชน์.
หัวหน้าลิงป่า แยกเขี้ยวยิงฟันขาววับ ร้องเจี๊ยกๆ ๆ ๆ เป็นสัญญาณ บอกให้ลูกสมุนลิง เตรียมจู่โจมผู้บุกรุก ซึ่งก็มีเพียงตัวเดียว และตัวเล็กกว่าด้วย. ไม่น่าจะต้องถึงกับรุนแรงกันขนาดนี้เลย. มันเหมือนสงครามชัดๆ ลิงเผือก ไร้ที่พึ่งพักพิง ต้องหนีกระเซอะกระเซิง กระเจิดกระเจิง เอาตัวรอดไว้ก่อน, แต่มันคิดช้าไป.
ฝูงลิงป่า ผู้ไม่มีวัฒนธรรม ต่างวิ่งกรูกันเข้ารุมกัดทำร้าย ลิงเผือกน้อยผู้น่างสงสาร. แต่นี่อาจเป็นคำสั่ง ของผู้เป็นหัวหน้าก็ได้, ลิงน้อยโชคดี แค่ถูกกัดสั่งสอน โทษฐานที่ถือวิสาสะ เข้ามาในเขตหวงห้าม. ลิงเผือก ถูกลิงเกเรก้าวร้าวบางตัว กัดจนเป็นบาดแผลหนักเอาการ. การรุมทำร้าย เต็มไปด้วยความชุลมุน, หากชักช้ารีรออยู่ต่อ มีหวังไม่รอดแน่ ลิงป่าบางตัว ก็มีนิสัยพาลเกเร. เหมือนคนบางคน ที่เอาใจเจ้านาย มักทำเกินคำสั่ง. ลิงน้อยผู้น่าสงสาร จึงรีบเผ่นหนีเอาตัวรอดโดยเร็ว. พวกลิงเกเร วิ่งไล่ตามลิงเผือกไป, มองเห็นแนวกิ่งไม้ไหวๆ เป็นทางยาว มันมุ่งหน้าไปทางภูเขาที่อยู่ใกล้ๆ.
เมื่อหนีพ้นจากพวกฝูงลิงป่าแล้ว ลิงเผือกมองเห็นปากถ้ำ, ที่นี่ คงเป็นที่หลบภัยได้สักระยะหนึ่ง. มันจึงวิ่งลอดปากถ้ำเข้าไป ทั้งที่มืดๆ. เมื่อพ้นระยะอันตราย มันหยุดหันไปมองที่ปากถ้ำ, เห็นพวกลิงป่านั่น ยังคงวิ่งไล่ตามหลังมาไม่ลดละ. อยู่แค่ปากถ้ำ ก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี, ลิงน้อย ค่อยๆ เคลื่อนกายฝ่าความมืดเข้าไปข้างใน. พลพรรคลิงใจกล้าจำนวนหนึ่ง ที่อยูแนวหน้า วิ่งไล่ตามลิงน้อยมา หยุดชะงักนิดหนึ่ง เมื่อเลยปากถ้ำเข้าไปเล็กน้อย. แต่เมื่อเสียงขู่ของหัวหน้า ตะคอกไล่หลังมา พวกมันก็วิ่งฝ่าความมืดเข้ามาในถ้ำ ตามลิงเผือกไป.
ช่วงพักเหนื่อยในโถงถ้ำมืด เสียงพวกลิงป่า วิ่งไล่หลังตามมาติดๆ, ลิงเผือก มองเห็นแสงสว่างรำไรข้างหน้า รีบไปดีกว่า เพราะที่นี่มันมืดเกินไป อาจพลาดท่าถูกพวกลิงป่าบ้านี่ กัดทำร้ายเอาอีกก็ได้.
ผู้ถูกไล่ล่าวิ่งไวกว่า จึงหนีไปได้ไกลเกินกว่าระยะของผู้ล่า, แต่ทว่า ด้วยความมืดและไม่ชำนาญทาง ลิงเผือก จึงพลัดตกลงไปในร่องเหว. โชคดีที่ร่องเหว ไม่ลึกเกินไป. ลิงเผือก สอดสายตาไล่เรียง ไปตามแสงสว่าง ที่ลอดมาจากปล่องถ้ำขนาดใหญ่ บนเพดานอุโมงค์ถ้ำ. มันเห็นแท่งผลึกแก้วที่มันทำหล่นแล้ว. แท่งผลึกทรงหกเหลี่ยม วางนอนนิ่งสนิท อยู่บนพื้นถ้ำ ตรงขอบร่องเหว ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี. นับว่าโชคยังเข้าข้างลิงน้อยครึ่งหนึ่ง ที่ของสำคัญนั่น ไม่หล่นลงไปที่ก้นเหว. ลิงเผือกต่างถิ่น ดีใจที่ของสำคัญยังอยู่ที่นั่น และกำลังหาวิธีข้ามไปเอา. มันเดินส่ายไปซ้ายที ขวาที ไม่รู้ว่าจะไปเอามาได้อย่างไร. ร่องเหวนั่น มันกว้างเกินไป สำหรับลิงตัวเล็กๆ. นี่แหละ คือความโชคร้ายอีกครึ่งหนึ่ง.
ครู่หนึ่งต่อมา พวกฝูงลิงป่าก็มากันเต็ม, มุงดูลิงผู้บุกรุกเคราะห์ร้าย ที่ตกลงไปในร่องเหว. สร้างความวิตกกังวล ให้แก่ลิงเผือกไม่น้อย. มันหนีไม่ได้อีกแล้ว ขยับอีกก้าวเดียวก็จะไม่มีที่ยืน. มันไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า ร่องเหวนี่ลึกแค่ไหน. แต่ในความโชคร้าย ก็มีโชคดีซ่อนอยู่ ร่องเหวที่ลิงเผือกยืนอยู่นั้น พอจะเป็นที่กำบังได้บ้าง ที่จะป้องกันไม่ให้พวกลิงป่า ตามลงไป. แต่ก็ยังมีพวกลิงดื้อ พยายามจะไต่ลงมา เพื่อแก้แค้น หรือว่าทำตามคำสั่งเจ้านาย ก็ไม่อาจรู้ได้.
พวกลิงป่าที่เหลือกลุ่มหนึ่ง ต่างทยอยหลั่งไหล เบียดเสียดกันเข้ามา เป็นร้อยตัว. แต่แล้ว ก็มีเหตุการณ์หนึ่งแทรกขึ้นมา สกัดพวกลิงป่าให้สะดุดหยุดกับที่. เจ้าตัวที่อยู่หน้าสุด ก็หยุดกึกกับที่ ทำหน้าล่อกแล่ก แล้วค่อยๆ ถอยหลังไป ดุนให้เพื่อนๆ ของมันทยอยถอยตามออกไป. สิ่งที่พวกมันเห็น กำลังเคลื่อนออกมาจากช่องมืดๆ ค่อยๆ เลื้อยเลาะผนังถ้ำ ผ่านเหวลึก ตรงไปที่ไหนสักแห่ง ในมุมมืด.
ช่วงเศษหนึ่งในสิบของวินาทีนั่นเอง ก็มีเสียงกรีดร้อง เจี๊ยก! ที่มุมมืดด้านหนึ่งของถ้ำ. พวกลิงป่าตกใจแตกกระเจิง ร้องเจี๊ยกจ๊าก พากันวิ่งหนีออกจากถ้ำไป อย่างไม่คิดชีวิต. สร้างความประหลาดใจให้แก่ลิงเผือก ว่าเกิดอะไรขึ้นในนี้. แต่เมื่อสิ่งนั้น ปรากฏตัวตนให้เห็นต่อหน้า. อสรพิษมฤตยู เลื้อยคลานเข้าหาเหยื่อ โดยไม่ชักช้า. แม้มันจะเป็นแค่ลิงตัวน้อยต่างถิ่น แต่ัสัญชาติญาณหนีภัยเอาตัวรอด ก็ถูกปลุกขึ้นมาทันที.
โชคดีที่อสรพิษนั่น กำลังชุลมุน และเพลิดเพลิน กับเหยื่อสดๆ ที่พลัดหลงมาให้มันงับเล่น โดยไม่ต้องออกแรงค้นหา. ก็แน่ละ พวกลิงมากันเยอะซะขนาดนั้น มันก็ต้องมีตัวพลัดหลง ถูกงูจับกินได้บ้าง. ลิงเผือกรวบรวมความกล้า และสติปัญญาเท่าที่มี เข้ามาทางไหนก็ออกไปทางนั้น ... มันค่อยๆ ขยับถอยห่างออกมา อย่างเงียบกริบ, เมื่อพ้นระยะอันตราย มันก็กระโดดโหยง ใส่ตืนลิง เผ่นหนีออกจากบริเวณนั้น อย่างรวดเร็ว. ปล่อยให้พวกลิงป่าที่โง่เง่า ตกเป็นอาหารงูในถ้ำ ส่วนตัวไหนที่ใจไม่กล้า ก็เผ่นหนีไปแบบไม่คิดชีวิต.
ความโกลาหลสงบลง, ลิงเผือกน้อย ค่อยๆ ผละออกมาจากเขตอันตราย จนถึงปากถ้ำ พวกลิงป่าก็ไปกันหมดแล้ว. มันถอนหายใจ ด้วยความอ่อนเพลีย. เอามือข้างหนึ่ง ลูบคลำที่บริเวณหน้าอก, ปรากฏเป็นรอยบุ๋มลึก รูปร่างและสัดส่วน ใกล้เคียงกับสิ่งที่มันทำหล่นหาย. จากนั้น ก็เอามืออีกข้าง ลูบบริเวณบาดแผลที่ถูกกัด, แผลฉกรรจ์ไม่เบา. มันคิดว่า จะต้องหลบไปรักษาตัว ที่ไหนสักแห่งที่ห่างไกล จากการถูกรังแก ของพวกลิงป่าเกเร.
ช่วงแรกๆ มันต้องคอยหลบหลีกพวกลิงป่า อยู่ตลอดเวลา. กลายเป็น ลิงที่หากินอย่างโดดเดี่ยว, ไม่มีเพื่อน ไม่มีหลักค้ำประกันว่า ชีวิตจะอยู่รอดไปได้อีกนานเท่าไหร่. แต่ก็รอดมาได้ นานจนมันไม่อาจนับจำนวนวันเดือนปีได้. ... จนกระทั่ง ค่ำคืนที่มีพระจันทร์เต็มดวง ของวันหนึ่ง มันนั่งอยู่ที่โขดหินริมหาดทรายขาว จับจ้อง เพ่งสายตามองไปบนท้องฟ้า เหมือนกับจะติดต่อสื่อสารกับใครบางคน ให้มารับมันด้วย, หรือให้มาช่วยทำอะไรบางอย่างให้. ระหว่างนั้น ปรากฏวัตถุจากท้องฟ้า อันไกลโพ้น ค่อยๆ เคลื่อนใกล้เข้ามายังโลก ไม่นานสิ่งนั้น กลายเป็นลำแสงสีน้ำเงิน พุ่งเป็นทางยาว ตรงข้ามกับทิศทางที่มันเคลื่อนไป. ลำแสงนั้น พุ่งเป็นทางยาว มีขนาดใหญ่ขึ้น ๆ. มันตกใจ รีบหลบลงมาจากก้อนหิน แล้วซุ่มแอบมองวัตถุที่หล่นมาจากฟากฟ้า.
มันไม่รู้หรอกว่า สิ่งที่เห็นนั้นเป็นดาวตก หรือลูกอุกกาบาต หรือยานอวกาศของพวกเอเลี่ยนนอกโลก. วัตถุลึกลับนั่น พุ่งตรงลงมาที่ใจกลางเกาะ หล่นหายไปที่ไหนสักแห่่งบนภูเขา, เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ... ตึงง! ครืนน! ด้วยแรงกระแทก จนแผ่นดินสะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งเกาะ. เหตุการณ์คล้ายดาวตก หรือลูกอุกกาบาตตก ผ่านไปหลายวัน ฝุ่นหมอกควันที่คละคลุ้งอยู่ จางหายไป. ลิงเผือก จึงค่อยๆ ไต่ไปบนภูเขาลูกนั้น เพื่อดูว่า สิ่งที่มันเห็นเมื่อหลายคืนก่อนนั้น คืออะไรกันแน่.
...
ลิงเผือก ไม่ได้หลบหนีออกจากเกาะนี้ ไปอยู่ที่ไหน. อาจเป็นเพราะมันไม่มีที่ไป หรือไม่ก็ ยังเป็นห่วงของสำคัญ ที่มันทำหล่นไว้ บนเกาะนี้. ทุกๆ วัน มันจะแอบปืนขึ้นไป ที่ชะง่อนหินริมปล่องขนาดใหญ่บนภูเขา แล้วมองลงไปข้างล่าง. สายตาจับจ้องไปที่ แท่งผลึกแก้ว ที่วางแน่นิ่งอยู่บนพื้นอุโมงค์ถ้ำ. หากมันวู่วามผลีผลาม ลงไปหยิบเอาตามใจชอบ ก็อาจตกเป็นเหยื่อของงูยักษ์ ที่ดักรออยู่. และ ลิงทุกตัวในป่า ต่างรู้ดีว่า บริเวณนี้ มียมทูตของลิงเฝ้าดักรออยู่, ราวกับว่า งูยักษ์ถูกสั่งให้เป็นเทพเฝ้าทรัพย์ โดยมีลิงเป็นเครื่องเซ่นตอบแทน. ทำให้พวกลิงทุกตัว ไม่กล้าจะเข้าใกล้บริเวณนี้.
...
เมื่อพวกฝูงลิงหายไปกันหมดแล้ว เหลือเพียงลิงเผือก ยืนอยู่เพียงตัวเดียว, ในมือยังถือของสิ่งนั้นอยู่. สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ, เด็กทั้งห้าคน ยังคงหลบอยู่หลังก้อนหิน อำพรางตัว ไม่ให้ลิงเผือกเห็น. แต่ สังข์ รู้ดีว่า จะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อไขปริศนา เกี่ยวกับภาพนิมิต ที่เห็นเมื่อตอนหัวค่ำ. สังข์ รวบรวมสติและความกล้า ตะโกนถามลิงเผือกตัวนั้นว่า.
ลิงเผือก รับรู้ความหมายที่ มนุษย์ผู้นี้เป็นฝ่ายเจรจาก่อน, มันค่อยๆ บรรจง สอดใส่สิ่งที่อยู่ในมือ วางแนบที่หน้าอก คล้ายกับการสอดใส่ลูกกุญแจ. อะไรกันนี่! บังเกิดแสงสว่างขึ้นที่บริเวณหน้าอกของลิงเผือก, คล้ายกับการสตาร์ทเครื่องจักรกล. อยู่ๆ กระแสลมเริ่มเคลื่อนไหว มันพัดมาทุกทิศทาง แสงนั่น ค่อยๆ สว่างเข้มขึ้น ๆ จนเริ่มจะเป็นสีขาวอมชมพู. ลมก็เริ่มพัดแรงขึ้น ๆ แสงสีขาวอมชมพู เริ่มเปลี่ยนสถานะเป็นประกายสายฟ้า ไล่ลามไปทั่วร่างของลิง. ชั่งน่าอัศจรรย์เกินจะบรรยาย, ร่างของลิงเผือก มีขนาดใหญ่ขึ้น ๆ ๆ หลายเท่าตัว. ความเร็วของลมที่หมุนวนรอบบริเวณนั้น ใกล้เคียงกับพายุหมุน พัดพาทุกสิ่งปลิวว่อนไป. พวกเด็กๆ ต่างพากันยื้อยุดฉุดฉวย ข้าวของสำคัญของแต่ละคน ไว้แนบกับตัวชุลมุน.
ขนสีขาวที่ปกคลุมร่างของลิง ค่อยๆ เลือนหาย กลายเป็นละอองแสงโปร่งใส ขาวขุ่นอมชมพู พร้อมกับสายฟ้าแลบแปลบปลาบ เป็นระยะๆ ไปทั่วร่าง ที่ตอนนี้เหมือนเงาขาวของลิงเผือก กำลังยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ ด้วยท่าทางดูเด่นเป็นสง่างาม อยู่กลางชายหาด. เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว พร้อมที่จะเดินทางต่อไป, กระแสลมหมุน ก็ค่อยๆ สงบนิ่ง.
ร่างของลิงเผือก เปลี่ยนสถานะเป็น เทพแห่งลิง ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ หลังจากที่รอคอยวันนี้ มานานกว่า 50,000 ปี. พวกเด็กๆ แยกไม่ออกว่า นี่มันเรื่องจริง หรือเรื่องในเทพนิยายกันแน่.
ก่อนที่เทพแห่งลิง จะผละจากไป สังข์ ตะโกนถามไปอีกว่า.
เทพแห่งลิง หันไปมองพวกเด็กๆ แสยะยิ้มเห็นเขี้ยวแก้วทั้ง ๔ ซี่ ขาววาววับ ชั่งสุดแสนอัศจรรย์ยิ่งกว่าสิ่งใด. เทพแห่งลิง เบนหน้าไปยังทิศที่ภูเขาตั้งอยู่ แล้วกางมือออก, บังเกิดสายฟ้าแล่นจากบริเวณหน้าอก ไหลผ่านลำตัว แขน ไปที่มือขวา เพียงครู่เดียว ก็ปรากฏสิ่งที่ดูคล้ายอาวุธ อยู่ในกำมือ. จากนั้น เทพแห่งลิง ก็ชี้ปลายวัตถุนั่นไปยังถ้ำ ที่พวกเด็กๆ เคยเข้าไปผจญภัยมา ก่อนหน้านั้น. เกิดประกายสายฟ้าวาบ ออกจากส่วนปลายที่ดูคล้ายอาวุธ พุ่งเป็นวิถีโค้ง ตรงไป ณ เป้าหมายที่เป็นหลังคาถ้ำ. ... ครืน! บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แผ่นดินสะเทือน ราวกับภูเขาไฟระเบิด. มองเห็นแสงพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าจากจุดระเบิด สว่างวาบไปทั่วทั้งเกาะ.
จากนั้น เทพแห่งลิง ก็ชี้ส่วนปลายของสิ่งที่อยู่ในมือ ไปที่ทะเล บังเกิดประสายสายฟ้าแบบเดียวกัน พุ่งเป็นวิถีโค้ง ตรงไปกลางมหาสมุทร. เวลาผ่านไปแค่นาทีเดียว บังเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นอีกแล้ว.
โสนน้อย อุทาน บอกให้เพื่อนมองออกไปที่ทะเล. สังข์ คว้าเอากล้องส่องทางไกล ออกส่องดู.
ลมเริ่มสงบนิ่ง ทุกสิ่งเีงียบสงัด ไร้วี่แววของเสียงใดๆ จากเหล่าสรรพสัตว์ที่อยู่บนเกาะนี้. ณ ห้วงเวลาอันพิศวง เหมือนถูกมนต์สาปของพ่อมด. ไม่มีใครให้คำอธิบายได้ว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น. เด็กๆ เริ่มลังเลและเป็นกังวล ไม่รู้จะตัดสินใจทำอะไรต่อ. อึดใจต่อมา เสียงครืน! ครืน! อู้! อู้! ดังมาจากทะเล, เริ่มมีลมพัดมาจากทะเล เสียงพวกลิงป่า ร้องเจี๊ยกดังแทรกความมืด มาแต่ไกล ลมก็ทวีความแรงขึ้น ต้นไม้ไหวโอนเอนไปมาตามแรงลม พวกเด็กๆ เริ่มหวาดหวั่นใจ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในไม่กี่นาทีนี้.
เทพแห่งลิง ยังคงยืนนิ่งสงบอยู่ ในอิริยาบทเดิม ไม่รู้สึกสะทกสะท้าน หรือตกใจอะไรเลย กับเหตุการณ์แปลกประหลาดนี่. แทนที่สังข์จะเอ่ยถาม กลับยกกล้องส่องไปที่ทะเล.
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า เป็นคำตอบที่ไม่ต้องอธิบาย. พวกเด็กๆ ต่างพากันวิ่งไปที่หลังก้อนหินใหญ่ หาที่กำบัง. เสียง ซู่! ๆ อู้! ๆ ครืน! ๆ ดังขึ้นพร้อมกับคลื่นทะเลยักษ์ สูงราวกับภูเขาทั้งลูก พุ่งเข้าสู่ฝั่ง.
ไม่มีความหวาดกลัวใด จะรุนแรงไปกว่านี้อีกแล้ว. อุปสรรค ปีศาจ เหตุการณ์ร้ายๆ พวกเขาก็พบเจอกันมามากแล้ว แต่หนนี้ มันน่ากลัวเกินกว่าจะรับได้. เด็กทั้งห้าชีวิต ต่างกอดกันกลม ขณะที่ลมก็พัดทวีแรงขึ้นๆ แผ่นดินเริ่มสั่นไหว. พวกเขาคิดตรงกันว่า ถ้าจะตาย ก็ขอตายพร้อมกันที่นี่ ตรงนี้!
ไม่มีเสียงตอบใดๆ, ต่างคนต่างก็ตกอยู่ในสภาพ และความรู้สึกเดียวกัน. คลื่นทะเลโหมกระหน่ำซัดไปทั่วทั้งเกาะ ราวกับจะทำลายเกาะนี้ ให้พินาศไป. พวกเด็กๆ ยังคงกอดกันกลม กลั้นลมหายใจ หลับตาปี๋ เตรียมรับชะตากรรม!
โสนน้อย ลืมตาเป็นคนแรก. เด็กๆ รู้สึกตรงกันว่า ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย. ทุกคนสบตา มองหน้ากัน ด้วยความพิศวงงงงวย. พากันเดินออกจากที่กำบัง. เหตุการณ์ข้างนอก ก็ดูเหมือนปกติดี ลมทะเลยังพัดเบาๆ เสียงน้ำทะเลก็เหมือนเดิม ท้องฟ้าก็สดใส เหมือนที่มันเป็น.
จริงอย่างที่ เอื้อย บอก. สังข์ ก้มหน้าหลับตา ทบทวนภาพนิมิต ที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน. เขาก็เห็นลำแสง ของวัตถุจากฟากฟ้า หล่นลงมาที่ตรงนั้น เหมือนกับที่ลิงเผือกเห็น.
เด็กๆ ต่างช่วยกัน พยายามตีความหมายปมปริศนา จากภาพลวงตาเมื่อสักครู่. พวกเขา ได้ข้อสรุปตรงกันว่า อาจมีเครื่องช่วยชีพ เช่น เรือ หรืออะไรก็ได้ ที่ซ่อนอยู่ในอุโมงค์ถ้ำนั่น. มันจะพาพวกเขา ออกไปจากที่นี่ได้. สินสมุทร เสนอว่า.
สังข์ มองไปที่หาดทราย ตรงที่ลิงเผือกยืน เพื่อระลึกถึงวีรกรรมของตัวเอง. ราวกับว่า เขาคือผู้ปลดปล่อยเทพแห่งลิง ให้เป็นอิสระ ด้วยการมอบคืนกุญแจให้แก่เขา. และนี่คือ สิ่งตอบแทนที่เขาและเพื่อนๆ จะได้รับ แม้ว่าจะเป็นสิ่งตอบแทน ที่ยังไม่เห็นตัวตน และยังมองไม่เห็นผลลัพภ์ ก็ตาม.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|