ภาคที่ 1 บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ ตอนที่ 15 ประตูมายาแห่งป่า
หลังออกจากเขตหมู่บ้าน ได้สักระยะ ก็เข้าสู่เขตป่าน่ากลัว. คณะเดินทาง เริ่มไม่คุ้นเคย, ทุกคนต้องเดิน อย่างระมัดระวัง สองข้างเต็มไปด้วยสัตว์ป่า และ ปีศาจร้ายที่แฝงตัวมา. แผนการเดินทาง ในช่วงที่คิดว่าอันตราย จาอู จะเดินนำหน้า ให้พวกเด็กๆ อยู่กลาง ซู อัง กาก้า บันตู มาลา รั้งท้าย. ทุกคนจะรักษาตำแหน่งของตน จะมีเผลอไปบ้างก็ตอนเหนื่อยล้า หรือเวลาหยอกล้อกัน แต่จาอูจะเป็นผู้คอยเตือนสติลูกทีม ตลอดการเดินทาง.
ป่าก็คือป่า มันยังคงรักษาความสงบเงียบ ไว้ให้เหล่าสรรพสัตว์ ได้มาชุมนุมกัน และให้วิญญาณร้าย ของเหล่าภูติปีศาจ มาเริงระบำ ร่ายรำอวดอิทธิฤทธิ์ซึ่งกันและกัน. ตลอดจน ให้บรรดาทวยเทพ และผีทุกระดับชั้น มาชุมนุม ผ่อนคลายอิริยาบท. ความเป็นป่า มีอาณาเขตไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับเหล่าสรรพสัตว์ วิญญาณ ปวงเทพ และผีทั้งหลาย ที่จะตกลงจัดสรรอาณาเขตซึ่งกันและกัน, ภายใต้มิติเวลาและพื้นที่ ที่มนุษย์ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้. ป่าจึงเป็นสถานที่ ที่พิเศษสุด สำหรับชีวิตและวิญญาณ. เป็นทั้งบ้าน เป็นทั้งโรงเรียน เป็นทั้งสนามต่อสู้ แย่งชิงความเป็นเลิศ และเป็นแม้กระทั่งหลุมฝังศพ. ป่าและสรรพสัตว์ มันก็ไม่ต่างจากสังคมมนุษย.์
ปราชญ์นิรนาม ท่านหนึ่ง กล่าวไว้เป็นบทกวี พูดถึงป่าไว้ว่า
พวกมนุษย์ มักรวมหัวกัน บุรุกแย่งชิงพื้นที่ของพวกมัน. จนปลา นก และสัตว์บก ทั้งที่อยู่บนดินและใต้ดิน ไม่มีบ้านจะอยู่. สัตว์ป่าทั้งหลายแย่งชิงพื้นที่กัน ก็เพราะต้องการครอบครอง พื้นที่ที่เป็นห่วงโซ่อาหารของพวกมัน. มันฆ่า เพราะต้องการอาหาร หรือไม่ก็ขับไล่ศัตรู. แต่พวกมนุษย์ กลับคิดด้วยเหตุผลอื่น, ว่ามันดุร้าย น่าสยดสยอง ไร้สมอง ไร้ความกรุณาปราณี. นั่นคือสิ่งที่มนุษย์คิดเอาเอง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน, ก็เดาใจมันไม่ออก คาดเดานิสัยของพวกมันไม่ได้, ว่ามันต้องการอะไรกันแน่. มนุษย์จึงอาศัยปัญญา เทคโนโลยี เครื่องจักรกลและปืน เพื่อเอาเปรียบพวกมัน.
เสียงจักรกลและเสียงปืน ที่มนุษย์พามันมา ปลุกให้ป่าตื่นจากหลับใหล ปลุกให้วิญญาณฟื้นขึ้นมา และ ยั่วยุให้เหล่าสรรพสัตว์ มาชุมนุมช่วยกันรักษาสิทธิ์ จากผู้บุกรุก จากพวกมนุษย์ใจร้าย ขี้โลภ. พวกมนุษย์ ยอมแลกแม้กระทั่งชีวิต เพื่อเข้าไปเผชิญโชคในป่า ซึ่งพวกเขาไม่รู้หรอกว่า สิ่งที่พวกเขาแสวงหา และยึดครอง เอาไปเป็นเจ้าของนั้น มันเป็นสมบัติของป่า หาใช่สมบัติของมนุษย์ไม่. ไม่มีสิ่งใดจะชั่วช้าเลวทรามเ ท่ากับกิเลสมนุษย์อีกแล้ว ซึ่งไม่เพียงพวกเขา จะทำร้ายพวกเดียวกันเองแล้ว ยังคอยเบียดเบียน ความสงบสุขของป่าอีกด้วย. กลิ่นอายความโลภของมนุษย์ ลอยโชยไปทั่วป่า ปลุกให้เหล่าวิญญาณ ตื่นขึ้นจากความหลับ. ซึ่งแน่ละ วิญญาณเหล่านั้น มีทั้งดีและเลวปะปนกัน เช่นเดียวกับหมู่มนุษย์.
ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้ว่า เหล่าวิญญาณเหล่านั้น คิดอย่างไรกับมนุษย์ ที่เหยียบย่าง บุกรุกเข้าไปในป่า. ความไม่เชื่อใจมนุษย์ ของเหล่าปีศาจ เป็นภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเวลา โดยไม่เลือกคนเลว คนดี คนบริสุทธิ์.
สัตว์คล้ายงู ลำตัวใหญ่เท่าตัวคน นอนตายอยู่ที่ข้างท่อนไม้ยักษ์ ที่นอนล้มพาดแท่งหินผา, ส่วนหัวหายไป คงเหลือแต่ส่วนลำตัวและหาง.
จาอู พาพวกเด็กๆ และคณะ เดินลัดเลาะ ผ่านต้นไม้ใหญ่น้อย ผ่านลำธาร เนินหินที่ลาดชัน โดยไม่มีเหตุร้ายใดๆ ราวกับว่า นี่คือข้อตกลงสันติภาพ ที่ต่างคนต่างไม่เบียดเบียนกัน. จนกระทั่งมาถึง ตรงทางแยกหน้าผาแห่งหนึ่ง ทุกคนหยุด เมื่อพบทางแยก.
ตรงทางแยก ทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก เป็นทางเดินเลาะหน้าผา ที่ต้องเดินเรียงแถว ผ่านไปทีละคน. หน้าผาไม่สูงมากนัก แต่ก็หวาดเสียวน่าดู สำหรับเด็กๆ.
สังข์ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หยิบวัตถุที่เป็นวัตถุนำทาง ออกมาดู ดวงไฟยังกระพริบเป็นปกติ.
พวกเขาเดินไปสักครู่ เมื่อพ้นโค้งแคบๆ พบศีรษะหินแกะสลัก เป็นรูปใบหน้าคนป่า ที่ผนังหน้าผาติดกับทางเดิน. มันมีขนาดใหญ่ เป็นสองเท่าของหัวคน ดวงตาดุดัน. จาอู กับ ซู เดินนำ สังข์ เอื้อย และโสนน้อย เดินตาม อัง กับ กาก้า เดินเบียดกันผ่านรูปใบหน้าหิน ด้วยอาการตกใจกลัวเล็กน้อย. มาลา เป็นคนสุดท้ายเดินผ่านไป โดยไม่ทันสังเกตว่า ลึกเข้าไป ภายในดวงตาของใบหน้าหิน มีสิ่งลึกลับเคลื่อนไหวอยู่.
คณะเดินทาง หลุดออกมาจากป่า ถึงปากถ้ำแห่งหนึ่ง ก็เป็นเวลาพลบค่ำพอดี. จาอู เห็นว่าพวกเด็กๆ เดินทางกันมาทั้งวัน คงจะอ่อนเพลียกันแล้ว และเป็นการเดินป่าวันแรกเสียด้วย, ที่นี่ น่าจะปลอดภัยที่สุด ที่จะพักแรม. ทุกคนได้รับการแบ่งหน้าที่ อย่างเท่าเทียม, มาลา กับพวกเด็กๆ หาฟืนก่องกองไฟ. จาอู กับ ซู ออกล่าสัตว์ทำอาหาร. กาก้า กับ บันตู ทำเขตป้องกันสัตว์ร้าย. หลังกินอาหารเสร็จ ซู อาสาอยู่เวรยามคนแรก. คืนแรกผ่านไปด้วยดี ไม่มีเหตุร้ายใดๆ นอกจากมีสัตว์ป่า มาป้วนเปี้ยนดูเชิง. เช้าตรู่ ทุกคนรีบเก็บข้าวของ ออกเดินทางต่อ.ไม่นาน ก็มาถึงทางแยกหน้าผาแห่งหนึ่ง. จาอู ให้คณะหยุดเดิน, หันไปพูดกับ ซู ด้วยภาษาของพวกเขา. ดูเหมือนว่า เขาสองคน รู้สึกสับสน ลังเลอะไรบางอย่าง ยืนโต้เถียงกันครู่หนึ่ง. มาลา รู้สึกรำคาญ จึงพูดออกไปบ้าง, จาอู ตะคอกใส่ มาลา ด้วยภาษาที่ สังข์และเพื่อนๆ ฟังไม่รู้เรื่อง.
สังข์ ตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล พร้อมกับหยิบวัตถุนำทาง ออกมาจากซองหนังสีดำ วางนอนราบบนฝ่ามือ ถือส่ายไปมา. ดวงไฟนั่น ก็ยังกระพริบเป็นปกติ.
สังข์รู้สึกเป็นกังวล และแปลกใจว่า เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร. จาอู ซู มาลา ก็ยังเถียงกันไม่เสร็จ ยังโชคดี ที่พี่เลี้ยงอีกสามคนที่เหลือ ไม่ร่วมวงโต้เถียงไปด้วย. มาลา มีอาการเหนื่อย ท้อแท้ อยากกลับบ้าน แต่ซูห้ามไว้.
สังข์เห็นด้วย จึงเดินไปหา จาอู ซู กับ มาลา ซึ่งตอนนี้ พวกเขาหยุดเถียงกันแล้ว แต่ยังยืนหันหลังให้กัน เหมือนโกรธกัน.
จาอูเงียบไปไม่ตอบ สังข์เห็นว่าบรรยากาศเริ่มเครียดขึ้น จึงพูดเตือนสติจาอูว่า
จาอูได้สติ จึงค่อยๆ หันมามองสังข์ แล้วพยักหน้า พร้อมกับเอามือไปแตะหลังเพื่อนเบาๆ เชิงขอโทษ ที่ตนเองพูดรุนแรงไป. บรรยากาศอารมณ์ขุ่นมัว ก็แจ่มใสขึ้น. สังข์ไม่ได้ถือโทษโกรธพวกเขา ที่ต้องมาทะเลาะกันในตอนนี้ เพราะทุกคนก็เหนื่อยมาทั้งวัน. แต่อีกใจหนึ่ง สังข์เริ่มรู้สึกว่า เหมือนมีสิ่งหนึ่ง ที่มองไม่เห็นตัว แอบแฝงเข้ามา ในกลุ่มของพวกเขา. ทั้งๆ ที่ พี่เลี้ยงชาวป่าพวกนี้ ไม่เคยมีเหตุขัดแย้งกันมาก่อนเลย.
ตอนนี้ ไม่มีเวลาจะกล่าวโทษใคร หรืออะไร, เพราะมันมิใช่ความผิดพลาดของใคร แต่ทุกคนจำเป็นต้องทำใจ ตัดความอาลัยอาวรณ์ กับเวลาที่สูญเปล่าไปทั้งวันทิ้งไปเสีย. คณะเดินทาง จึงเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง.
สารบัญ / ตอนที่ ปฐมบท -
บทที่ 2 สังข์ เอื้อย โสนน้อย
บทที่ 3 วันสังหาร
บทที่ 4 ชีวิตใหม่กลางภูผา
บทที่ 5 ภูติร้ายในป่ามรณะ
บทที่ 6 ประตูเวลาที่เรือนปีศาจ
บทที่ 7 หนอนทะเลทราย
บทที่ 8 หลุมดำดูดเวลา และการตามล่าของมนุษย์นอกจักรวาล
บทที่ 9 พบเพื่อนใหม่
บทที่ 10 ผจญภัยกลางมหาสมุทร
บทที่ 11 ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งลิง
ภาคที่ 2: ฝ่าอุปสรรค เพื่อรักและอิสรภาพ
บทที่ 13 เทคโนโลยีล่องหน
บทที่ 14 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 1)
บทที่ 15 เส้นทางที่พลัดพราก
บทที่ 16 เมืองกาญจนา
บทที่ 17 บ้านของย่าทอง
บทที่ 18 วัยรุ่น วัยรัก วัยเรียน
บทที่ 19 ความรัก ความหวัง ยังไม่สิ้น
บทที่ 20 ตามหาเพื่อน
บทที่ 21 แหกคุกนรก นครพันธุรัฐ (ครั้งที่ 2)
ภาคที่ 3: รักนิรันดร์ ฝันเป็นจริง
บทที่ 23 นครรัฐเทพนารา
บทที่ 24 ชีวิตใหม่ ใจกลางมหานคร
บทที่ 25 ชีวิตจัดสรร ณ สันติอรุณ
บทที่ 26 สัมผัสแรก สัมผัสรัก
บทที่ 27 สังข์ทอง รจนา
บทที่ 28 วิกฤตของนครรัฐ
บทที่ 29 กู้วิกฤต
บทที่ 30 ฝันที่เป็นจริง
ปัจฉิมบท -
เพลง ฝ่าอุปสรรค ตามหารักนิรันดร์
|
|
|